สยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ เผย “ประชาชน 68.23% เชื่อหาก 7-ELEVEN เป็น Bank Agent เท่ากับเพิ่มโอกาสผูกขาดทางการค้า”

ศ. ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโสสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (STC) แถลงผลการสำรวจ “ความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปต่อการอนุญาตให้ร้านสะดวกซื้อเป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ของธนาคารพาณิชย์” สำรวจระหว่างวันที่ 11 ถึง 16 มีนาคม พ.ศ. 2561 จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,193 คน

ประเทศไทยได้มีการอนุญาตให้ผู้ประกอบการเอกชนสามารถดำเนินธุรกิจตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) เพื่อให้บริการทำธุรกรรมทางการเงินบางส่วนแทนธนาคารพาณิชย์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 แต่ด้วยพฤติกรรมเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินของประชาชนที่เปลี่ยนไปประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับบริการทางการเงินต่างๆ อย่างต่อเนื่องจึงทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น

ดังนั้นเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทางธนาคารแห่งประเทศไทยจึงมีการอนุญาตให้ผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อสามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนธนาคารเพื่อให้บริการทำธุรกรรมทางการเงินบางส่วนแทนธนาคารพาณิชย์ได้ โดยเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนส. 3/2561 เรื่องหลักเกณฑ์เกี่ยวกับช่องทางการให้บริการของธนาคารพาณิชย์ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา

โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ให้ธนาคารพาณิชย์สามารถแต่งตั้งตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) เพื่อให้บริการทำธุรกรรมทางการเงินบางส่วนแทนธนาคารพาณิชย์ เช่น การฝากเงิน การถอนเงิน การชำระเงิน เป็นต้น และมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ประกอบการที่สามารถเป็นตัวแทนธนาคารได้ ทั้งนี้ การอนุญาตให้ผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อสามารถเป็นตัวแทนธนาคารได้นั้นถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเข้าถึงบริการทางการเงินโดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเดินทางไปยังสาขาของธนาคาร

อย่างไรก็ตาม ผู้คนในสังคมบางส่วนกังวลว่าการอนุญาตให้ผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อรายใหญ่บางรายสามารถเป็นตัวแทนธนาคารได้อาจส่งผลให้เกิดการผูกขาดทางธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศได้และอาจเกิดความไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อรายอื่นๆ จากประเด็นดังกล่าว สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปต่อการอนุญาตให้ร้านสะดวกซื้อเป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ของธนาคารพาณิชย์

จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดซึ่งเป็นเพศหญิงร้อยละ 50.8 และเพศชายร้อยละ 49.2 อายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถสรุปผลได้ดังนี้ ในด้านความรับรู้เกี่ยวกับการอนุญาตให้มีตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 69.91 ทราบว่าในปัจจุบันประเทศไทยมีตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ที่สามารถให้บริการทำธุรกรรมทางการเงินบางส่วนแทนธนาคารพาณิชย์ได้ เช่น บริการรับฝากเงิน บริการถอนเงิน เป็นต้น ในขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 30.09 ยอมรับว่าไม่ทราบ ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 64.71 ทราบว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาตให้ร้านสะดวกซื้อ 7-11 สามารถเป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ให้บริการทำธุรกรรมทางการเงินบางส่วนแทนธนาคารพาณิชย์ได้ เช่น บริการรับฝากเงิน บริการถอนเงิน เป็นต้น ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 35.29 ยอมรับว่ายังไม่ทราบ

ในด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับการอนุญาตให้ร้านสะดวกซื้อทำหน้าที่เป็นตัวแทนธนาคารรับทำธุรกรรมทางการเงินบางประเภทแทนธนาคารพาณิชย์ได้ กลุ่มตัวอย่างประมาณสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 66.81 มีความคิดเห็นว่าการอนุญาตให้ร้านสะดวกซื้อ 7-11 สามารถเป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ได้จะมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้ร้านสะดวกซื้อดังกล่าวมีรายได้จากการขายสินค้าอื่นๆ มากขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 68.23 กังวลว่าการอนุญาตให้ร้านสะดวกซื้อ 7-11 สามารถเป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ได้จะเพิ่มโอกาสการผูกขาดทางธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศไทย

ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 72.09 เห็นด้วยกับการอนุญาตให้ร้านสะดวกซื้อสามารถเป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ให้บริการทำธุรกรรมทางการเงินบางส่วนแทนธนาคารพาณิชย์ได้ เช่น บริการรับฝากเงิน บริการถอนเงิน ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 21.04 ไม่เห็นด้วย ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 6.87 ไม่แน่ใจ

นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 73.18 มีความคิดเห็นว่าการอนุญาตให้ร้านสะดวกซื้อสามารถเป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ได้จะมีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงบริการการทำธุรกรรมทางการเงินได้มากขึ้น ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 63.79 ยินดีที่จะชำระค่าทำเนียมในการใช้บริการกับร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านที่เป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) เพื่อแลกกับการเสียค่าใช้จ่าย/เวลาเดินทางไปที่สาขาของธนาคารซึ่งอยู่ห่างออกไป

แต่อย่างไรก็ดี กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 54.23 มีความคิดเห็นว่าหากมีการกำหนดอัตราค่าทำเนียมการใช้บริการทำธุรกรรมทางการเงินกับตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) อยู่ที่ 25 บาทนั้นเป็นอัตราที่แพงเกินไป ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 36.55 มีความคิดเห็นว่าเป็นอัตราที่ไม่แพงเกินไป ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 9.22 ไม่แน่ใจ

ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 67.39 มีความคิดเห็นว่าการอนุญาตให้ร้านสะดวกซื้อสามารถเป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ได้ จะมีส่วนทำให้ผู้คนลดความถี่ในการไปใช้บริการทำธุรกรรมทางการเงินที่สาขาของธนาคารให้น้อยลงได้ แต่กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 69.82 ยอมรับว่าตนเองรู้สึกกังวลว่าการทำธุรกรรมทางการเงินในร้านสะดวกซื้อที่เป็นตัวแทนธนาคาร (banking agent) จะมีความปลอดภัยน้อยกว่าการทำธุรกรรมทางการเงินที่สาขาของธนาคาร

เผยแพร่ข่าวโดย:

พีอาร์ บุฟเฟ่ต์ www.prbuffet.com ข่าวประชาสัมพันธ์ online







Leave a Reply

Your email address will not be published.

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.