RSV

ไวรัส RSV อาการคล้ายหวัด แต่อันตรายมากกว่า

ไวรัส RSV อาการคล้ายหวัด แต่อันตรายมากกว่า

RSV เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 3 ปี หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ปอด หอบหืด หรือทารกที่คลอดก่อนกำหนด เชื้อไวรัสนี้สามารถทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบรุนแรงและเสียชีวิตได้ ไวรัส RSV สามารถติดต่อได้จากน้ำลาย ละอองเสมหะของเด็กที่ป่วยและไอออกมา นอกจากการแพร่กระจายจากผู้ที่มีเชื้อแล้ว อาจติดจากการไปสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนน้ำลายของผู้มีเชื้อ ดังนั้นผู้ปกครอง หรือพี่เลี้ยงที่สัมผัสเด็กป่วย ก่อนจะไปสัมผัสเด็กคนอื่นควรล้างมือให้สะอาดก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากเด็กคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง ไวรัสตัวนี้น่ากลัวไม่น้อยเลยนะครับ เพราะถ้ามองเผินๆ คุณพ่อคุณแม่อาจจะคิดว่าลูกเป็นแค่หวัดธรรมดา เนื่องจากอาการของโรคติดเชื้อไวรัส RSV มีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา ซึ่งเด็กที่เป็นหวัดธรรมดาจะมีอาการไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล กินข้าว กินนมได้ และมักจะหายได้ใน 5-7 วัน แต่อาการที่เกิดจากไวรัส RSV จะมีไข้ ไอ จาม หอบเหนื่อย บางคนหอบมากจนอกบุ๋ม หายใจมีเสียงหวีด หรือเด็กบางคนไอมากจนอาเจียน ซึมลง กินข้าว กินนมไม่ได้ ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะเป็นเพียงการรักษาตามอาการแบบประคับประคองรอให้ร่างกายแข็งแรงจนสามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา และดูแลเรื่องการหายใจและเสมหะ เช่น เช็ดตัวลดไข้ ทานยาลดไข้ตามอาการทุก 4-6 […]

ไวรัส RSV ในเด็ก ป้องกันได้ด้วยการล้างมือ

ไวรัส RSV ในเด็ก ป้องกันได้ด้วยการล้างมือ

RSV เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง สามารถเกิดการติดเชื้อได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ส่วนมากแล้วมักเกิดในเด็กเล็กๆ ที่อายุต่ำกว่า 3 ปี และมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ปอด หอบหืด หรือเด็กที่คลอดก่อนกำหนด สำหรับในประเทศไทยพบการระบาดได้บ่อยในช่วงฤดูฝนหรือช่วงปลายฝนต้นหนาว ไวรัส RSV สามารถติดต่อได้ผ่านสารคัดหลั่งต่างๆ ในร่างกาย เช่น น้ำมูก น้ำลาย ละอองจากการไอ จาม โดยเฉพาะการติดต่อจากการสัมผัสครับ หากได้รับเชื้อระยะฟักตัวของโรคจะอยู่ที่ประมาณ 5 วัน โดยในช่วง 2-4 วันแรก มักมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล เมื่อการดำเนินโรคมีมากขึ้น จะส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนล่างมีการอักเสบตามมา ทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ และโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบได้ ปัจจุบันทำได้เพียงแค่รักษาตามอาการ และยังไม่มีวัคซีนป้องกัน การระวังไม่ให้ติดเชื้อไวรัสจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดครับ ผู้ดูแลเด็กรวมถึงคนรอบข้าง ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล แยกของใช้ส่วนตัวของผู้ป่วยเด็ก เน้นการทำความสะอาด รวมถึงของเล่นต่างๆ หลีกเลี่ยงไม่อยู่ในที่แออัด หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ก็จะช่วยป้องกันได้ครับ

RSV ไวรัสตัวร้าย อันตรายในเด็ก

RSV ไวรัสตัวร้าย อันตรายในเด็ก

ไวรัส RSV สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย แต่อาจส่งผลรุนแรงได้ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ยิ่งถ้าเกิดในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี และมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ปอด หอบหืด แล้วหล่ะก็ อาจทำให้ปอดบวมติดเชื้อและเสียชีวิตได้เลยนะครับ อาการของเด็กที่ติดเชื้อ RSV เริ่มจากมีไข้ คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอมีเสมหะ ถ้ารุนแรงมากขึ้นจนเกิดหลอดลมฝอยอักเสบ หรือปอดบวม จะมีอาการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงวี๊ดๆ ได้ อาจจะอาเจียน รับประทานไม่ได้ อ่อนเพลีย ซึมลง ในเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด โรคปอด หรือโรคหัวใจ มีโอกาสที่จะเกิดอาการรุนแรงจาก RSV ได้มากกว่าเด็กปกติทั่วไป ควรมาพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อติดเชื้อ RSV เริ่มต้นจะมีอาการของไข้หวัด แต่ถ้ารุนแรงขึ้นอาจจะเป็นปอดบวมได้ ซึ่งถ้ารุนแรงมากอาจมีระบบหายใจล้มเหลว อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ดังนั้น การป้องกันสำคัญที่สุดครับ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่ https://goo.gl/EtXpBu

RSV ป้องกันไว้อย่าปล่อยให้ใคร มาทำอะไรลูกเราก็ได้

การหอมแก้ม กอด จูบ หรือจับมือ มักจะเป็นสิ่งที่เราใช้แสดงความรักกับเด็กเล็ก ๆ ถึงแม้บางครั้งจะไม่ใช่กับลูกหลานเราก็ตาม!! แต่รู้มั้ยครับว่าการแสดงออกแบบนั้น เป็นอีก 1 ช่องทางที่จะนำพาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายของเจ้าตัวน้อย โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีเชื้อ RSV ระบาดอย่างหนักในกลุ่มเด็กเล็ก ที่อาจส่งผลรุนแรงมากถึงขั้นปอดติดเชื้อ จนทำให้เจ้าตัวน้อยเสียชีวิตได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น หมอแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ดูแลความสะอาดของลูกอยู่เสมอ ป้องกันไม่ให้ใครที่ไม่ใช่ญาติหรือคนสนิทมาสัมผัสตัวเด็ก และควรเว้นระยะห่างไว้ซักนิดเมื่ออยู่ใกล้กัน ทางด้านคุณพ่อคุณแม่เองก็ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งที่สัมผัสตัวลูก และทำความสะอาดของใช้ของลูกให้สะอาดอยู่เสมอ แค่เท่านี้ก็จะช่วยให้เจ้าตัวน้อยห่างไกลจากโรค RSV ที่มีสถิติทำให้เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบทั่วโลกเสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 200,000 คนได้แล้วล่ะครับ #อบอุ่น #เชี่ยวชาญ #โรงพยาบาลรามคำแหง