อดีตรองอธิบดี กสส. เชื่อมั่นให้สหประกันชีวิตคุ้มครอง ครบกำหนดรับคืนกว่า 4 แสน พร้อมลั่น “ถ้าสหกรณ์ไม่ทำประกันกับบริษัทของท่านแล้ว สหประกันชีวิตจะอยู่ได้อย่างไร”

009

นายจิตรกร สามประดิษฐ์ อดีตรองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่าบริษัท สหประกันชีวิต ตั้งขึ้นโดยขบวนการสหกรณ์ สมัยก่อนบริษัทประกันชีวิตมีปัญหาในเรื่องของโควตา เพราะการขออนุญาตตั้งบริษัทประกันไม่ได้เปิดเสรีอย่างในปัจจุบัน ซึ่งในช่วงนั้นสหกรณ์เริ่มทำธุรกิจมากขึ้นและเริ่มเปลี่ยนระบบจากสหกรณ์หาทุน เป็นสหกรณ์การเกษตร มีโควตาให้หนึ่งอำเภอ หนึ่งสหกรณ์การเกษตร เพื่อให้สหกรณ์มีขนาดใหญ่ขึ้น มีการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์พอที่จะจ้างผู้จัดการ พนักงานบัญชี พนักงานสินเชื่อ พนักงานการตลาดหรือพนักงานด้านอื่นๆ พอสหกรณ์มีขนาดใหญ่ขึ้นความเสี่ยงก็มากขึ้นด้วย การประกันก็เป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ที่เราจะต้องรับเอาไปให้คนอื่นช่วยหาร ในทำนองเดียวกันเราต้องหารความเสี่ยงคนอื่นด้วย ต่างคนต่างให้ พอเราทำอย่างนี้ในทุกๆ เรื่อง ความเสี่ยงก็จะลดน้อยลง
นายจิตรกร เปิดเผยต่อไปว่า ผมเข้ามาสัมผัสกับบริษัท สหประกันชีวิต ครั้งแรกตอนที่เป็นสหกรณ์จังหวัด และเริ่มจัดตั้งสหประกันชีวิต ผมมีหน้าที่ไปบอกสหกรณ์ทั้งหลายที่อยู่ในความรับผิดชอบ “ให้คุณถือหุ้นเท่านั้นเท่านี้แต่ไม่เกินสองแสนบาท” แต่ก่อนที่จะพูดกับสหกรณ์ ผมก็ศึกษาว่าการทำประกันคืออะไร การประกันชีวิตคืออะไร แรกๆ ผมก็ไม่เข้าใจ ผมคิดว่าการเป็นบริษัทประกันชีวิตแล้วสามารถทำได้ทุกอย่าง แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ประกันได้แต่ประกันชีวิตอย่างเดียว ประกันวินาศภัยไม่ได้นะครับ ก็ต้องไปตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา สุดท้ายผมก็มาเจอด้วยตัวเอง เมื่อผมย้ายมารับราชการในกรุงเทพ ก็ซื้อบ้านอยู่หลังเก่าๆ ตอนนั้นผ่อนอยู่หลายปีเป็นหนี้ประมาณแปดแสนบาท
สมัยนั้นตอนเช้าของทุกๆ วันผมจะมานั่งกินข้าวที่ร้านหน้ากองฝึกฯ แถวๆ ถนนพิชัย กรุงเทพฯ แล้วก็เจอกับคุณสุริยา ชินวัฒน์ เจ้าหน้าที่ของ สหประกันชีวิต ได้คุยกันและบอกความประสงค์ว่าอยากจะทำประกันไว้คุ้มครองชีวิต และเบี้ยประกันต้องได้คืนด้วย คุณสุริยาก็บอกว่า “ทวีทรัพย์นี้แหละดี” ซึ่งตอนนั้นผมเป็นผู้อำนวยการกองฝึกอบรม กรมส่งเสริมสหกรณ์ ผมคิดว่าถ้าผมเสียชีวิตไปลูกเมียก็ไม่มีที่อยู่ เพราะไม่มีปัญญาส่งแน่นอน ต้องไปอยู่บ้านเช่า ผมนับถือศาสนาพุทธ สิ่งสำคัญของชีวิตคือ ปัจจัย 4 อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ซึ่งเรื่องอื่นพอประทังได้ ใครไม่มีบ้านเป็นของตัวเองลำบากมาก ก็เลยต้องประกันชีวิตให้คุ้ม ตอนนั้นผมเป็นหนี้อยู่แปดแสนกว่าบาท ผมก็เลยตกลงทำประกันชีวิตกับสหประกันชีวิต โดยจ่ายเบี้ยเดือนละ 2,000 บาท แต่ผมขอจ่ายเป็นรายปี แป๊บเดียวนะครับ 15 ปี
ผมอยากจะบอกว่าทุกอย่างที่เราทำดีจะต้องมีมารมาผจญ พอผมทำประกันมาได้สักพัก บริษัทก็เริ่มคลอนแคลน คนนั้นก็พูดอย่างโน้น ผู้จัดการก็อย่างนี่เปลี่ยนอย่างโน้นก็ไม่ได้ เปลี่ยนอย่างนี้ก็ไม่ได้ ผมยังบอกเค้าเลยว่าขายหุ้นให้กับสหกรณ์ที่เค้าอยากถือหุ้น เค้าก็บอกไม่ได้หรอกให้ถือแบบสหกรณ์ไม่เกิน สองแสน ทีนี้มีคนที่คุ้นเคยกันในสหกรณ์มาบอกว่าเดี๋ยวบริษัทก็จะเจ๊งแล้ว คุณไปเอาเงินออกมาเลย ผมก็ไขว้เขว แต่ดีนะที่ผมจบกฎหมายมามีหนังสือกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องของประกันภัย ประกันชีวิตมาอ่าน แต่ผมก็ยังลังเล สุดท้ายมาเจอคุณสุริยา ชินวัฒน์ อีก คุณสุริยาก็บอกว่า “กรมธรรม์ของพี่ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะว่าอยู่ใน กองทุนประกันชีวิตของ คปภ.แล้ว” พอพูดอย่างนี้ผมก็เข้าใจเลย ก็เหมือนกันการประกันเงินฝากที่เอาไปฝากกับธนาคารพาณิชย์คือรัฐบาลจะรับผิดชอบให้เราในวงเงินที่ไม่เกินล้านบาทเค้าจะจ่ายเงินคืนให้
อดีตรองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ปิดท้ายไว้ว่า ฝากให้ทุกท่านช่วยกันดูแลทรัพย์สมบัติของท่าน ทรัพย์สินของท่าน ทะนุบำรุงดูแลรักษาให้มันงอกงาม ถ้าท่านไม่ประกันกับบริษัทของท่านแต่ท่านไปประกันกับบริษัทอื่น สหประกันชีวิตก็คงจะอยู่ไม่ได้ และผมอยากจะเรียนว่าทุกคนต้องบริหารความเสี่ยงให้กับตัวเองและลูกหลาน อย่างน้อยคนเราเกิดมาก็ไม่ได้ทำดีอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ควรจะทำอะไรที่ไม่ดี ทิ้งไว้ให้เป็นมรดกบาปกับลูกกับหลาน ซึ่งไม่มีใครอยากรับหรอกครับ เค้าอยากรับแต่มรดกที่ดีๆ มรดกที่เป็นบาปที่เป็นภาระเค้าไม่เอาหรอก เพราะว่ากฎหมายยังเขียนเลยนะครับ ถ้ามีหนี้มากกว่าทรัพย์สินไม่ต้องเอามรดกนั้นก็ได้ คนรับไม่ต้องเอาก็ได้ เพราะฉะนั้นอยากจะฝากกับทุกคนถ้าอยากสบายก็ต้องออมนะครับ สหประกันชีวิตก็เป็นอีกหนึ่งที่ที่เราออมและบริหารความเสี่ยงให้แก่ชีวิตเรา

เผยแพร่ข่าวโดย:

พีอาร์ บุฟเฟ่ต์ www.prbuffet.com ข่าวประชาสัมพันธ์ online







Leave a Reply

Your email address will not be published.

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.