“ใส่เกียร์ ๕ เดินหน้าพลังงานไทย ก้าวสู่เส้นชัย”

all-pics2

กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เป็นเจ้าภาพจัดแถลงข่าวผลสำเร็จและความคืบหน้าของโครงการพัฒนาพลังงานทดแทนทีได้ดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงระหว่างกระทรวงพลังงานกับกระทรวงกลาโหม โดยมีกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้การสนับสนุนงบประมาณประจำปี ๒๕๕๗ – ๒๕๕๘ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ประหยัดพลังงานโดยรวมได้ถึง ๒๐ ล้าน kWh หรือประมาณ ๙๓๘ ล้านบาทต่อปี แล้วยังช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศได้อย่างยั่งยืน โดยมีผู้แทนจากกองทัพบก กองทัพอากาศ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมแถลง

ที่ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ มี.ค.๒๕๕๙ เวลา ๑๔.๐๐ น. นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานกระทรวงพลังงาน หรือ พพ. ได้เป็นประธานจัดแถลงข่าว “โครงการ ใส่เกียร์ ๕ เดินหน้าพลังงานไทย ก้าวสู่เส้นชัย” โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ ประกอบด้วย พล. ท.วราห์ บุญญะสิทธิ์ รองเสนาธิการทหารบก ประธานคณะกรรมการพลังงานทดแทนกองทัพบก พล. อ. อ. สุรศักดิ์ มีมณี ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพอากาศ ประธานคณะกรรมการพลังงานทดแทนกองทัพอากาศ พล. ท. ธนเดช เหลืองทองคำ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานทั่วไป ผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมของโครงการผลิตและใช้พลังงานทดแทนที่แต่ละหน่วยงานเพื่อความมั่นคงแห่งชาติมี ส่วนร่วมรับผิดชอบดำเนินการตลอดระยะเวลาเกือบ ๒ ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดี พพ. ได้กล่าวโดยสรุปถึงการดำเนินงานในทุกโครงการที่ได้สร้างสานผลสำเร็จครั้งนี้ว่านอกจากจะเป็นการสนับสนุนการผลิตพลังงานเพื่อใช้ หรือให้เกิดการพึ่งพาตนเองแบบยั่งยืนแล้ว ยังได้คำนึงถึงการส่งเสริมการเป็นศูนย์สาธิตเพื่อขยายผลการถ่ายทอดเทคโนโลยีในเรื่องพลังงานทดแทนหรือในการสร้างองค์ความรู้ที่ถูกต้องให้ชุมชนโดยเฉพาะในพื้นที่ของหน่วยราชการไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานความมั่นคง สถาบันการศึกษา หน่วยงานในโครงการตามแนวพระราชดำริ หรือโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งมีภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าค่อนข้างสูง โดยได้คำนึงถึงโอกาสการขยายผลเชิงกว้าง เป็นศูนย์การเรียนรู้ การเผยแพร่สาธิตเทคโนโลยีในการผลิตพลังงานทดแทนไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากแสงอาทิตย์หรืออื่นๆ ก็ตาม

ทางด้าน พล. ท. วราห์ บุญญะสิทธิ์ กล่าวว่า การสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานส่งผลให้หน่วยงานในสังกัดกองทัพบกได้ประโยชน์แยกเป็น ๒ ส่วน ส่วนแรกภารกิจในกาดูแลรับผิดชอบโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและโครงการตามแนวพระราชดำริ ซึ่งล้วนอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร ส่วนใหญ่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง ประชาชนมีคุณภาพชีวิตไม่ค่อยดี จึงได้พิจารณาคัดเลือกหมู่บ้านตัวอย่าง ๔ แห่งจากจังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี และมุกดาหาร ให้ได้รับการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยระบบเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร การพัฒนาอาชีพ และการเรียนการสอนในโรงเรียนสำหรับลูกหลานของพวกเขา ช่วยให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมมีแสงสว่างจากไฟฟ้าในตอนกลางคืนสามารถรับชมโทรทัศน์ได้ มีรายได้เพิ่มทำให้พวกเขารักถิ่นฐานและช่วยเราดูแลด้านความมั่นคง ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเรา

ประโยชน์อีกส่วนหนึ่งอยู่ที่หน่วยงานในสังกัดอีก ๘ แห่งซึ่งตั้งอยู่ในหลายจังหวัดได้รับการสนับสนุนให้รับผิดชอบโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยระบบเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับหน่วยงานความมั่นคงทำให้มีกำลังผลิตรวมทั้งหมด ๗.๕ MW ซึ่งนอกจากจะได้ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนแล้วยังช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าหลักลงได้อีกจำนวนมากในแต่ละปีหลังจากที่ต้องประสบปัญหาเป็นหนี้ค่าไฟฟ้าเรื่อยมา

ส่วน พล.อ.สุรศักดิ์ มีมณี ในฐานะประธานคณะกรรมการทดแทนกองทัพอากาศได้แถลงว่า การที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมาดำเนินโครงการผลิตและใช้พลังงานทดแทนในหลายหน่วยงาน เช่น สถานีรายงานโทรคมนาคม สถานีเรดาร์ กองบิน ฐานบิน โรงเรียนการบินและอุทยานการบิน จะช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าหลักได้เป็นจำนวนมากในแต่ละปี ซึ่งหมายถึงการลดภาระค่าไฟฟ้าซึ่งเคยประสบปัญหามาอย่างต่อเนื่องในเรื่องของหนี้ค่าไฟ เพราะฉะนั้นงบประมาณค่าไฟในส่วนที่ลดลงจะช่วยให้กองทัพอากาศนำไปพัฒนากิจการส่วนอื่นได้ต่อไป

สำหรับ พล.ท.ธนเดช เหลืองทองคำ ผู้แทน กอ.รมน.ได้แถลงถึงการมีส่วนร่วมใน ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการขยายผลอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านพลังงานทดแทน จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระดับชุมชนด้วยพลังงานทดแทน พร้อมทั้งสร้างกลไกระบบหมุนเวียนเศรษฐกิจของชุมชนจากการจำหน่ายพลังงาน ช่วยให้ชุมชนสามารถยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยได้ประสานความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในการถ่ายทอดองค์ความรู้และนำไปสู่ผลสำเร็จในการติดตั้ง ผลิตและใช้พลังงานทดแทนให้กับชุมชนเพื่อให้สามารถบริหารจัดการและนำมาซึ่งการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

อีก ๑ โครงการซึ่ง กอ.รมน.ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฯ ให้ดำเนินการคือโครงการรถพ่วงเคลื่อนที่สำหรับผลิตและใช้ไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อสนับสนุนหน่วยงานในพื้นที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง โดยรถพ่วงดังกล่าวได้รับการผลิตเสร็จแล้วและจะถูกนำมาใช้แทนเครื่องปั่นไฟ ซึ่งก่อนนี้กำลังพลของเราจำเป็นต้องขนไปในเวลาออกปฏิบัติการในพื้นที่รับผิดชอบตามเป้าหมายโดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าเขาทุรกันดารไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง เพราะฉะนั้นรถพ่วงนี้จึงมีความหมายสำหรับกำลังพลของเราในการมีกระแสไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ใช้งานโดยปราศจากมลภาวะทางเสียงและกลิ่นอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังให้กำลังไฟมากพอสำหรับอุปกรณ์สื่อสารและอุปกรณ์ในการใช้ชีวิตและยังชีพได้อย่างมั่นใจกว่าเดิมซึ่ง กอ.รมน.ได้นำรถพ่วงเคลื่อนที่มาอวดโฉมพร้อมกับสาธิตการใช้พลังงานทดแทนให้สื่อมวลชนได้สัมผัสในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย

ตัวแทนจากหน่วยงานความมั่นคงอีกรายหนึ่งคือ นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต.ได้กล่าวถึงผลสำเร็จหลังจากที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฯ เพื่อ ๒ โครงการโดยมีโครงการพัฒนาระบบแสงสว่างด้วยชุดโคมส่องสว่างแบบแอลอีดีประหยัดพลังงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบันทึกภาพของกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และเพิ่มแสงสว่างในจุดเสี่ยงภัยในเส้นทางเพื่อความปลอดภัย กับอีกโครงการคือจัดซื้อพร้อมติดตั้งชุดโคมไฟส่องสว่างถนนแบบโซลาร์เซลล์เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จครบทุกแห่งในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งบางจุดในจังหวัดสงขลา โดยเลขาธิการ ศอ.บต.ระบุถึงผลสำเร็จที่เกิดขึ้นสามารถพิจารณาได้จากสถิติการเกิดเหตุหรือสถานการณ์รุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ได้ลดลงอย่างทันตาเห็นนับตั้งแต่มีโคมไฟส่องสว่างพลังแสงอาทิตย์เป็นต้นมา

หลังจากการแถลงผลสำเร็จผ่านไป นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ได้นำคณะตัวแทนหน่วยงานความมั่นคงซึ่งร่วมแถลงข่าวไปชมนิทรรศการแสดงผลสำเร็จของการดำเนินโครงการบางส่วนที่รับผิดชอบโดยกระทรวงพลังงานและสถาบันการศึกษาซึ่งได้นำมาจัดแสดงในห้องแถลงข่าวโดยมีนักวิชาการและผู้ทรงคุณวุฒิร่วมให้ข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งนี้โดยรวมแล้วการดำเนินงานในชุดโครงการต่างๆ ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณประจำปี ๒๕๕๗ และ ๒๕๕๘ จากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจะส่งผลให้สามารถประหยัดด้านพลังงานเป็นจำนวนรวม ๒๐,๕๕๒,๑๓๑kWh หรือ๙๓๘,๕๖๙,๐๒๘ บาท ต่อปี

เผยแพร่ข่าวโดย:

พีอาร์ บุฟเฟ่ต์ www.prbuffet.com ข่าวประชาสัมพันธ์ online







Leave a Reply

Your email address will not be published.

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.