วิกฤติการแพร่ระบาดของไว้รัสโควิด-2019 ส่งให้พฤติกรรมการทำงานระยะไกลและจากที่บ้านกลายเป็นเรื่องใหม่ที่ปฏิบัติกันเป็นปกติ (New normal) ไปเรียบร้อยแล้ว แต่องค์กรยังเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจอยู่คือวิธีการตอบสนองความต้องการของพนักงานที่จำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ธุรกิจและข้อมูลของตนยังต้องมีความปลอดภัยในสถานการณ์ที่มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลานี้ ไซเซล เน็ทเวิร์ค ผู้นำในธุรกิจโซลูชั่นไอทีที่พัฒนาโดยระบบคลาวด์และเอไออันปลอดภัยสำหรับองค์กรธุรกิจและการใช้งานที่บ้านจึงได้ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ไฟร์วอลล์ระดับกลางในซีรีส์ USG FLEX ถึง 3 รุ่นใหม่ ออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ต้องการความคล่องตัว ความปลอดภัย และวิธีการเชื่อมต่อเครือข่ายในยุคนิวนอร์มอล

ไฟร์วอลล์ซีรีส์ USG FLEX 100/200/500 ใหม่จากไซเซลได้พัฒนาคุณสมบัติด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยให้กับองค์กรขนาดกลางและย่อม โดยให้ประสิทธิภาพไฟร์วอลล์สูงขึ้นถึง 125% และให้ประสิทธิภาพการจัดการภัยคุกคามแบบเบ็ดเสร็จ Unified Threat Management (UTM) มากขึ้นอีก 500%* (*ขึ้นอยู่กับการเปรียบเทียบกับชุดไฟร์วอลล์ USG ทั้งนี้ ประสิทธิภาพที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการกำหนดค่า ระบบ เงื่อนไขเครือข่ายและแอปพลิเคชั่นที่เปิดใช้งาน) นอกจากนี้ ไฟร์วอลล์ใหม่ในซีรีส์นี้ยังให้สร้างเกราะความปลอดภัยให้กับเครือข่ายที่แข็งแกร่งและปรับขนาดได้ มาพร้อมกับคุณสมบัติใช้งานวีพีเอ็น การบริหารการเชื่อมต่อของไวไฟ และฟังก์ชั่นฮอตสปอตอันครอบคลุมครบถ้วน เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจภายในหนึ่งกล่องผลิตภัณฑ์

ใช้ข้อมูลด้านภัยคุกคามอัจฉริยะระดับโลกป้องกันเครือข่ายท่าน
ไฟร์วอลล์ซีรีส์ USG FLEX มีบริการ Cloud Query อันเป็นฐานข้อมูลด้านภัยคุกคามอัจฉริยะของไซเซล ทำงานอยู่บนฐานข้อมูลคลาวด์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ศูนย์ข้อมูลดังกล่าวนี้ทำหน้าที่รวบรวมตัวอย่างมัลแวร์นับพันล้านชนิดจากแหล่งบุคคลที่สามชั้นนำของอุตสาหกรรมรวมทั้งจากภัยคุกคามที่ตรวจจับและระบุได้โดยไฟร์วอลล์ของไซเซลที่ติดตั้งอยู่ทั่วโลก ทั้งนี้ ไซเซลได้ใช้อัลกอริทึมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเอไอในการจำแนกและคำนวณระดับความรุนแรงของภัยคุกคามแต่ละประเภทที่เข้ามา เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถระบุภัยคุกคามที่เกิดขึ้นมากที่สุดและดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เหมาะสมที่สุด

ตอบสนองความต้องการยุคนิวนอร์มอล
ไฟร์วอลล์ USG FLEX ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานทางไกลให้กับองค์กรอย่างง่ายๆ ด้วยการให้การเชื่อมต่อวีพีเอ็นทั้งประเภท IPsec, SSL และ L2TP ให้แก่พนักงานที่ทำงานจากบ้านหรือบนท้องถนนผ่านอุโมงค์เสมือน IPsec VPNs ไปยังเครือข่ายขององค์กรได้อย่างยืดหยุ่นและปลอดภัย ทั้งนี้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีการจับต้องอุปกรณ์น้อยที่สุดในช่วงการตั้งค่าต่างๆ (Zero-configuration) นั้นจะช่วยลดภาระงานของทีมไอทีขององค์กรลงได้อย่างมากและช่วยให้พนักงานสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานที่บ้านเองได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ อุปกรณ์คอนโทรลเลอร์สำหรับจุดเชื่อมต่อไร้สายที่มาในตัวอุปกรณ์จะช่วยให้องค์กรสามารถบริหารเครือข่ายไวไฟได้ จึงไม่จำเป็นต้องซื้อคอนโทรลเลอร์เพิ่มเติม

ไลเซนส์ที่ยืดหยุ่นเพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ลูกค้าที่ต้องการอัปเกรดฮาร์ดแวร์ USG ที่มีอยู่ให้เป็น USG FLEX จะสามารถโอนสิทธิ์การใช้งาน USG ปัจจุบันให้เป็นฮาร์ดแวร์ USG FLEX ใหม่โดยไม่จำเป็นต้องซื้อไลเซนต์ใหม่ ทั้งนี้ องค์กรสามารถซื้อไลเซนต์สำหรับการทำงานด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม อาทิ การกรองเว็บ แอนตี้มัลแวร์ และบริการซีเคียวรีพอร์เตอร์ (SecuReporter) ที่ใช้การวิเคราะห์และรายงานระดับพรีเมียมแยกต่างหากหรือซื้อรวมกันเป็นชุดไลเซนต์ UTM ที่ครบสมบูรณ์ตามความต้องการได้ ทั้งนี้ ไซเซลสามารถช่วยองค์กรออกแบบแพคเกจไลเซนต์ตามความต้องการเฉพาะขององค์กรได้เช่นกัน

คุณนาธาน เยน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายธุรกิจ Gateway Business Center ของไซเซลกล่าวว่า “การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อองค์กรทั่วโลก แต่ความจำเป็นที่ต้องปกป้องเครือข่ายในขณะที่พนักงานเข้าถึงเครือข่ายจากสถานที่ห่างไกลอย่างปลอดภัยกลายเป็นเรื่องสำคัญกว่ามาก ไซเซลจึงออกแบบซีรีส์ USG FLEX เพื่อมอบความปลอดภัย ความยืดหยุ่นและความสะดวกในการใช้งานให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องการและเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการปฏิบัติงานหลังโควิด-19”

โซลูชั่นด้านความปลอดภัยอันเต็มไปด้วยคุณสมบัติครบถ้วนของไซเซลมีศักยภาพสูง จึงสามารถมอบความยืดหยุ่น ประสิทธิภาพการทำงานและอำนาจแก่องค์กรธุรกิจตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ที่ต้องการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ USG FLEX ของไซเซล ท่านสามารถเยี่ยมชมได้ที่ https://www.zyxel.com/USGFLEX