โรงพยาบาลรามคำแหง

คุณหมอขอเล่าเรื่อง “การกินยาเม็ดคุมกำเนิด”

คุณหมอขอเล่าเรื่อง “การกินยาเม็ดคุมกำเนิด”

💊 กินอย่างไรให้ถูกวิธี? ⏰ ทำไมต้องกินยาเวลาเดิมทุกวัน 🔺 ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบไหนที่เหมาะกับเรา? 👩กินยาคุมกำเนิดนานๆ ควรดูแลสุขภาพอย่างไร? หากพูดถึงวิธีคุมกำเนิดที่นิยมใช้กันมากที่สุด นั่นก็คือการทานยาชนิดเม็ด เพราะเป็นหนึ่งในวิธีการคุมกำเนิดที่ปลอดภัย และได้ผลดีถ้าทานถูกวิธี แต่ไม่ว่าจะเลือกคุมกำเนิดด้วยวิธีใดก็ตาม เราควรมีความรู้ความเข้าใจก่อนเพื่อให้ใช้งานได้อย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะนอกจากจะสามารถป้องกันปัญหาการท้องก่อนวัยอันควรแล้ว ยังช่วยให้คู่สมรสที่ยังไม่พร้อมได้มีการวางแผนครอบครัวให้ดีก่อนที่จะมีลูกได้อีกด้วย 📌“การทานยาคุมกำเนิดอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์” อ่านเพิ่มเติม https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/640 ยาคุมกำเนิดแบบเม็ดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ แบบฮอร์โมนรวม ซึ่งแต่ละตัวก็มีตัวยาที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นเราจึงควรเลือกให้เหมาะกับร่างกายของเรา การเลือกวิธีคุมกำเนิดด้วยยา ควรพิจารณาจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น การใช้ยาอย่างถูกต้อง การทานยาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการคุมกำเนิดได้ถึง 99% แต่ถ้าใช้ไม่ถูกต้องประสิทธิภาพการคุมกำเนิดจะลดลงเช่นกัน รวมทั้งส่วนประกอบในยาคุมกำเนิดที่มีความหลากหลาย การเลือกใช้ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมในแต่ละบุคคล ความปลอดภัย และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้น ก่อนเริ่มการทานยาคุมกำเนิดควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง 📌อ่านเพิ่มเติม “การเลือกยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดไหนที่เหมาะกับเรา?” https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/644 ปัจจุบันมีการใช้ยาคุมอย่างแพร่หลายทั้งคุมกำเนิด รักษาสิว และรักษาโรคเกี่ยวกับประจำเดือน เช่น ประจำเดือนออกมาก ประจำเดือนมาไม่ปกติ ปวดประจำเดือน โรคทางนรีเวช เช่น ถุงน้ำรังไข่ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื่องจากส่วนประกอบของยาคุมส่งผลต่อระบบหลอดเลือด และอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เช่น เต้านม ปากมดลูก ไขมันในเลือด การแข็งตัวของเลือด […]

รู้ไหม?… ไวรัส HPV ผู้ชายก็ติดเชื้อได้

รู้ไหม?… ไวรัส HPV ผู้ชายก็ติดเชื้อได้

👨‍🦰หลายคนอาจเข้าใจว่าเชื้อไวรัส HPV ที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกจะพบแต่ในผู้หญิงเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วผู้ชายก็มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV และก่อให้เกิดโรคในผู้ชายได้เหมือนกันนะเพียงแต่เป็นชนิดต่างสายพันธ์กับมะเร็งปากมดลูก โดยผู้ชายสามารถติดเชื้อ HPV ได้จากคู่นอนทั้งหญิงและชายที่มีเชื้อ HPV อยู่ก่อนแล้ว และหากไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น ก็จะทำให้แพร่เชื้อไปสู่คู่นอนคนอื่นๆ ได้ และเชื้อ HPV ยังสามารถติดต่อได้ทั้งการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดและทวารหนัก ในผู้ชายเชื้อไวรัส HPV สามารถก่อให้เกิดโรคหูดหงอนไก่ มะเร็งองคชาต และมะเร็งทวารหนักได้ ซึ่งการป้องกันเชื้อ HPV ได้ดีที่สุดคือ การลดความเสี่ยงการได้รับเชื้อ เช่น งดการมีคู่นอนหลายคน การสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งและการฉีดวัคซีนป้องกัน แนะนำให้ฉีดตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไปฉีดได้ทั้งในเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย เพราะเด็กสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่ ในกรณีที่พบความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธ์ เช่น ติ่ง ก้อน หรือมีอาการแสบเคืองอวัยวะเพศ ควรรีบมาตรวจหาสาเหตุเพื่อได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง 📌“การติดเชื้อ HPV กับการเกิดมะเร็งปากมดลูก” อ่านข้อมูลเพิ่มเติมคลิก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/95

โรงพยาบาลรามคำแหง ปรับโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีให้ทันสมัย พร้อมมอบบริการดิจิทัล เฮลธ์ด้วยโซลูชันเดลล์ เทคโนโลยีส์

โรงพยาบาลรามคำแหง ปรับโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีให้ทันสมัย พร้อมมอบบริการดิจิทัล เฮลธ์ด้วยโซลูชันเดลล์ เทคโนโลยีส์

โรงพยาบาลรามคำแหง หนึ่งในท็อป 5 เครือโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ได้ปรับเปลี่ยนระบบโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่บนโซลูชันของเดลล์ เทคโนโลยีส์ ทั้งหมดให้ทันสมัย (modernize) เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยที่ดีมากยิ่งขึ้นแก่ผู้ป่วยทั้งในแบบเรียล-ไทม์ และการดูแลรักษาทางไกล (remote) แบบ 24/7 ไม่ว่าลูกค้าอยู่ที่ใดก็ตาม ด้วยผลของความพยายามในการปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล (digital transformation) โรงพยาบาลรามคำแหงสามารถทำงานและให้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยการปฏิบัติการแบบ always-on พร้อมความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว วิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลคือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานไอทีด้านเฮลธ์แคร์ (HIT หรือ Healthcare IT Infrastructure) ที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อรองรับระบบสารสนเทศโรงพยาบาลที่สำคัญ (HIS หรือ Hospital Information System) ซึ่งจะเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด เพื่อนำไปใช้ในโรงพยาบาล 40 แห่งภายใต้การดูแลที่อยู่ทั้งภายในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์นี้ โรงพยาบาลรามคำแหงได้นำระบบดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ โซลูชันด้านการปกป้องข้อมูลของเดลล์ เทคโนโลยีส์ รวมทั้งซอฟต์แวร์ virtualization ของวีเอ็มแวร์ ไปจนถึงอุปกรณ์ปลายทางของเดลล์ ทั้งในส่วนของเครื่องเวิร์กสเตชัน เดสก์ท็อป และแล็ปท็อป เข้ามาใช้งาน ปัจจุบัน ระบบสำรอง (mirroring) ขนาดใหญ่ได้ถูกนำไปใช้ในโรงพยาบาลในเครือ […]

ผู้หญิงควรตรวจภายในบ่อยแค่ไหน? เพื่อลดความเสี่ยงโรคร้ายในสตรี

ผู้หญิงควรตรวจภายในบ่อยแค่ไหน? เพื่อลดความเสี่ยงโรคร้ายในสตรี

👩 การตรวจภายในเป็นการตรวจเช็คหาความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์เพศหญิงทั้งที่มีอาการและไม่มีอาการผิดปกติ ซึ่งแพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติ เกี่ยวกับประจำเดือน ตกขาว ความผิดปกติต่างๆ ของระบบสืบพันธ์และทำการตรวจเพื่อวินิจฉัย และวางแผนการรักษา รวมทั้งแนะนำการดูแลสุขภาพของสตรี การตรวจเริ่มตั้งแต่การดูความผิดปกติจากภายนอกและการตกขาว ช่องคลอด ปากมดลูก มดลูก และรังไข่ รวมทั้งการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย การตรวจภายในสามารถบ่งบอกความผิดปกติในอุ้งเชิงกรานได้ เช่น เนื้องอกมดลูก, โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่, เนื้องอกรังไข่, การอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานและยังสามารถมาคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย กรณีที่ไม่มีอาการผิดปกติแนะนำให้ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วทุกคนควรได้รับการตรวจภายในเพื่อคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และตรวจหามะเร็งปากมดลูกอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แต่หากยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ควรเริ่มตรวจที่อายุประมาณ 30 ปี แต่ถ้ามีความผิดปกติแนะนำให้มาตรวจทันที นอกจากนี้อาการทั่วไปที่ผู้หญิงมักคิดว่าเป็นเรื่องปกติ เช่น ปวดท้องประจำเดือน ตกขาว อาจเป็นเรื่องที่ผิดปกติได้ จึงควรมาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจภายในเพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะหากได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องแต่เนิ่นๆ ก็จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของโรคและมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีและป้องกันโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ คุณผู้หญิงทั้งหลายจึงควรดูแลสุขอนามัยของตัวเองให้ดี หมั่นสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้น และมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายในเป็นประจำทุกปี 📌การเตรียมตัวก่อนไปรับการตรวจภายใน ผู้หญิงควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ และการใช้ยาเหน็บที่บริเวณอวัยวะเพศเป็นเวลาอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง โดยผู้ที่มีประจำเดือนไม่สามารถเข้ารับการตรวจภายในได้ ก่อนตรวจแพทย์จะมีการสอบถามซักประวัติ เพื่อนำมาใช้ในการประเมินอาการร่วมกับผลตรวจ เช่น * เรื่องปัญหาสุขภาพทั่วไป * ระยะเวลาในการมีประจำเดือน มามากน้อยแค่ไหน? […]

บริหารข้อฟิตพิชิตเข่าเสื่อม ด้วย 4 ท่าง่ายๆ

บริหารข้อฟิตพิชิตเข่าเสื่อม ด้วย 4 ท่าง่ายๆ

การบริหารกล้ามเนื้อข้อเข่าเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าขา และกล้ามเนื้อบริเวณเข่า เป็นการชะลอความเสื่อมและถนอมเข่าวิธีหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้เข่าอยู่กับเรานานขึ้น ด้วยท่าบริหารง่ายๆ ดังนี้ 1. นั่งชิดเก้าอี้ เหยียดเข่าตรง กระดกปลายเท้าขึ้นเกร็งค้างนับ 1-10 แล้ววางลง ทำสลับกันทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 20 ครั้ง 2. นั่งชิดเก้าอี้ แล้วไขว้ขา โดยขาบนกดขาล่าง และขาล่างเหยียดขึ้นต้านขาบน เกร็งค้างนับ 1-10 ทำสลับกันทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 20 ครั้ง 3. นอนหงาย กระดกปลายเท้าขึ้นลง เกร็งค้างนับ 1-10 ทำสลับกันทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 20 ครั้ง 4. นอนหงาย ใช้หมอนรองใต้เข่าด้านขวา เหยียดเข่าซ้ายยกสูงประมาณ 1 ฟุต เกร็งค้างไว้นับ 1-10 ทำสลับกันทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 20 […]

5 เหตุผลที่ทำให้หลายคนปวดหลัง

5 เหตุผลที่ทำให้หลายคนปวดหลัง

ด้วยพฤติกรรมการนั่ง การนอน และการทำงานของคนในปัจจุบัน มีผลโดยตรงกับอาการปวดหลัง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรามักจะได้ยิน วัยรุ่น คนหนุ่มสาว พนักงานออฟฟิต ชอบบ่นว่าเมื่อยปวดหลังอยู่บ่อยๆ และเหตุผลที่ทำให้ปวดหลัง อาจมาจากพฤติกรรมที่ชอบทำเหล่านี้ก็ได้… ⛔️ นั่งทำงานไม่ถูกวิธี การนั่งทำงานที่ถูกคือต้องนั่งให้ชิดขอบในของเก้าอี้ หลังชิดพนักพิง เท้าแตะถึงพื้น เก้าอี้รองรับก้นและโคนขาได้ทั้งหมด ไม่ควรนั่งกับพื้น เพราะจะทำให้น้ำหนักส่วนใหญ่ลงที่กระดูกสันหลังบริเวณบั้นเอว ทำให้กระดูกสันหลังรับน้ำหนักมากและทำให้ปวดหลัง ⛔️ ยกของผิดท่า การยกของจากพื้นควรย่อเข่าลงนั่งหลังตรง ยกของให้ชิดตัวแล้วลุกด้วยกำลังขา ไม่ควรก้มหลังยกของ เพราะกล้ามเนื้อหลังจะเป็นส่วนออกแรงทำให้อักเสบได้ ⛔️ ชอบนอนคว่ำ หลายคนชอบนอนคว่ำเวลาอ่านหนังสือ เล่นมือถือหรือโน้ตบุ๊ค การนอนคว่ำจะทำให้กระดูกสันหลังแอ่น และตามมาด้วยอาการปวดหลัง ท่านอนที่ดีที่สุดคือการนอนหงาย ⛔️ สูบบุหรี่ สารนิโคตินในบุหรี่มีผลทำให้กระดูกขาดออกซิเจน กระดูกจึงเสื่อมเร็วมากกว่าปกติ และยุบตัวเพิ่มมากขึ้น และปวดหลังมากกว่าคนทั่วไป ⛔️ ไม่ชอบออกกำลังกาย การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้กล้ามเนื้อเส้นเอ็นและกระดูกสันหลังแข็งแรงมากขึ้น และทำให้น้ำหนักตัวไม่เยอะเกิน การที่น้ำหนักตัวมากจะทำให้ข้อต่อของกระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูกสันหลังต้องรับน้ำหนักเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการเสื่อมและการอักเสบเพิ่มมากขึ้น และปวดหลังได้ง่าย ใครที่ไม่อยากปวดหลังบ่อย ปวดหลังนาน ก็ให้เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ปวดหลัง ลดน้ำหนัก ออกกำลังกายที่ถูกวิธีสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้ปวดหลังน้อยลงหรือไม่ปวดหลังอีกเลยก็ได้… 🧘‍♀️“ท่าบริหารสำหรับอาการปวดหลัง https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/113”

ทำไม?… “นิ้วล็อค”

ทำไม?… “นิ้วล็อค”

🔺 นิ้วล็อค งอนิ้วไม่ได้ เกิดจากการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็น และเส้นเอ็นงอนิ้วมือ ทำให้เหยียดนิ้วออกได้ไม่เต็มที่ ผู้หญิงจะมีอาการนิ้วล็อคเกิดขึ้นได้มากกว่าผู้ชาย 2-6 เท่า โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป นั่นก็เพราะผู้หญิงใช้มือทำงานซ้ำๆ มากกว่าผู้ชาย เช่น หิ้วถุงหนักๆ บิดผ้า ซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน ฯลฯ และทำแบบนี้มาเป็นระยะเวลานานๆ รวมถึงผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือผู้ที่เป็นโรครูมาตอยด์ก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มากขึ้นถึง 4 เท่าอีกด้วย ถึงแม้อาการนิ้วล็อคไม่ได้ส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต แต่ก็ทำให้เจ็บปวดและสร้างความไม่สะดวกในการใช้ชีวิต และหากปล่อยไว้นานไม่รักษาบางคนอาจถึงขั้นนิ้วบวมชา ติดแข็งจนไม่สามารถใช้งานได้ 📌 การรักษาก็จะขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค ดังนี้ * พักการใช้งานส่วนที่เกิดอาการนิ้วล็อค ในกรณีที่ยังเป็นไม่มาก * ประคบร้อน หรือเย็น * ทานยา ร่วมกับบริหารมือเบาๆ * การยืดเส้น ออกกำลังกายเบาๆ * กรณีที่เป็นรุนแรงอาจจะรักษาด้วยการใช้ยาต้านการอักเสบ ฉีดสเตียรอยด์เข้าไปบริเวณปลอกเอ็น ซึ่งไม่ควรฉีดเกิน 2 ครั้ง หากนิ้วล็อคติดรุนแรงหรือพังผืดหนามากฉีดยาไม่ได้ผล อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ปัจจุบันมีเครื่องมือพิเศษที่เข้าไปตัดพังผืดที่ทำให้เกิดนิ้วล็อค โดยรอยผ่าตัดเป็นแค่ช่องเล็กๆ โดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล

ปวดไหล่เรื้อรัง ให้ระวังเอ็นหัวไหล่ฉีกขาด

ปวดไหล่เรื้อรัง ให้ระวังเอ็นหัวไหล่ฉีกขาด

🔺 อาการปวดไหล่เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ในผู้ที่มีอาการปวดไหล่เรื้อรังหรือมีอาการไหล่ติด และไม่สามารถใช้งานไหล่ได้อย่างปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเกิดจากมีเส้นเอ็นหัวไหล่ฉีกขาดซ่อนอยู่ก็เป็นได้… การฉีกขาดของเส้นเอ็นหัวไหล่เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากความเสื่อมของเส้นเอ็นตามอายุที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังเกิดจากอุบัติเหตุที่หัวไหล่หรือบาดเจ็บจากการใช้งานหัวไหล่ซ้ำๆ เป็นเวลานาน หรือจากการเล่นกีฬา เมื่อเส้นเอ็นหัวไหล่มีการฉีกขาดจะทำให้ข้อไหล่อ่อนแรงลง การใช้งานไหล่ในชีวิตประจำวันง่ายๆ เช่น หวีผม ใส่เสื้อ ก็จะทำได้ยากขึ้นหรือมีอาการเจ็บ เวลายกหรือกางหัวไหล่ออกด้านข้าง นอนตะแคงเอาไหล่ข้างที่เจ็บลงจะปวดมาก เบื้องต้นหากพบว่าเส้นเอ็นฉีกขาดแค่เล็กน้อย ก็ให้หลีกเลี่ยงการยกหรือสะพายของหนักๆ บริหารออกกำลังเส้นเอ็นหัวไหล่ให้แข็งแรง แต่ถ้าเส้นเอ็นฉีกขาดมากก็จำเป็นต้องทำการผ่าตัดเย็บซ่อม เพราะถ้าปล่อยไว้เส้นเอ็นจะฉีกขาดมากขึ้นจนอาจซ่อมแซมไม่ได้และทำให้ข้อไหล่เสื่อม หรือยกแขนไม่ได้ในที่สุด 📌 ซึ่งการผ่าตัดในปัจจุบันนี้ไม่น่ากลัว เพราะใช้วิธีการผ่าตัดส่องกล้องเข้าไปเย็บซ่อมเอ็นหัวไหล่ ช่วยให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ลดโอกาสติดเชื้อและเกิดภาวะแทรกซ้อน ลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อข้างเคียง ฟื้นตัวได้เร็ว และถือเป็นมาตรฐานการรักษาที่ยอมรับกันทั่วโลก ข้อมูลเพิ่มเติมคลิก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/256

วิธีสังเกตุ “ปวดคอ” ธรรมดา หรือมาจากโรคหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท

วิธีสังเกตุ “ปวดคอ” ธรรมดา หรือมาจากโรคหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท

🔎 วิธีสังเกตุ “ปวดคอ” ธรรมดา หรือมาจากโรคหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท สังเกตง่ายๆ หากเป็นการปวดกล้ามเนื้อคอธรรมดา เวลาก้มคอลงอาการปวดจะยิ่งชัดเจน แต่ถ้ามาจากสาเหตุอื่นๆ เช่น หมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท เวลาก้มคอลงจะรู้สึกสบาย แต่ถ้าแหงนคอขึ้นจะรู้สึกปวดร้าวไปตามแนวเส้นประสาท 🔺 การตรวจวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกคอกดทับเส้นประสาท แพทย์จะเอกซเรย์ผู้ป่วยด้วยท่ายืนหน้าตรง ด้านข้างและท่าก้ม-เงย ซึ่งจะบอกรอยโรคได้ดีกว่า หรือตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ก็จะแสดงให้เห็นภาพหมอนรองกระดูกคอระบบเส้นประสาทได้อย่างชัดเจน หรือหากจะดูละเอียดลงไปอีกในเรื่องของตัวกระดูกคอและหินปูนเกาะ ก็สามารถตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ร่วมกับการฉีดสารทึบแสงรังสีเข้าไปในช่องไขสันหลังก็จะได้ข้อมูลชัดเจนมากขึ้น หากอาการปวดคอที่เกิดขึ้นยังอยู่ในระยะเล็กน้อย เป็นแค่อาการเคลื่อนของหมอนรองกระดูก ก็อาจรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการนั่งทำงาน ไม่นั่งท่าเดียวนานๆ หรือทำกายบริหารคอ …(📌 ท่าบริหารลดอาการปวดคอ คลิก https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/114) เท่านี้อาการปวดคอก็จะบรรเทาเบาบางลงจนกระทั่งหายไปได้ แต่หากปวดคอเรื้อรังมานาน เนื่องจากหมอนรองกระดูกคอเสื่อมสภาพแล้ว หรือหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท การรักษาที่ดีที่สุด คือการผ่าตัดเปลี่ยนหมอนรองกระดูกคอเทียม โดยเมื่อผ่าตัดแล้วอาการปวดที่เคยมีก็จะหายไปได้