Times Higher Education จัดมหิดลเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศไทย ประจำปี 2019

Mahidol University(MU) has been ranked by Times Higher Education World University Ranking as 2019 Thailand’s No.1 Top University while MU’s the Faculty of Engineering enhancing its new vision forwarding to World-Class Engineering.

Times Higher Education World University Ranking องค์กรผู้สำรวจและจัดอันดับมหาวิทยาลัยทั่วโลก ได้จัดอันดับให้ มหาวิทยาลัยมหิดล ติดอันดับโลกและเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศไทย ประจำปี 2019 โดยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาหลายมิติทั้งจากด้าน Teaching, Citations และ International Outlook ซึ่งนับเป็นความสำเร็จของสถาบันการศึกษาไทยและคนไทยร่วมกัน ตลอดจนนักศึกษา อาจารย์ เจ้าหน้าที่ หน่วยงานของภาครัฐและเอกชนที่ได้ร่วมส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมและโอกาสแก่เยาวชนไทยและมหาวิทยาลัยมหิดล

วันนี้เรามาคุยกับคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ หนึ่งในคณะภายใต้มหาวิทยาลัยมหิดล ที่กำลังมุ่งสู่การเป็นผู้นำงานวิจัยบูรณาการและวิศวกรรมศาสตร์ระดับโลก ผศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ (Jackrit Suthakorn) คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีที่มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ของมหาวิทยาลัยไทยในปี 2019 นี้ ตรงกับวาระครบรอบ 131 ปี ของการก่อตั้งมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งได้มีบทบาทบ่มเพาะบุคลากรคุณภ่าพ มาสร้างนวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และความเจริญก้าวหน้าของอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของประเทศ มาจนถึงปัจจุบัน ด้วยวิสัยทัศน์อันก้าวไกลของมหาวิทยาลัยมหิดลสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยระดับโลก (World-Class University)” และเป็น “ปัญญาของแผ่นดิน” (Wisdom of The Land) ในส่วนคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ดำเนินงานมาจะครบรอบปีที่ 29 ได้กำหนดวิสัยทัศน์สู่การเป็น World-Class Engineering มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยงานวิจัยเชิงบูรณาการ และวิศวกรรมศาสตร์ระดับโลก พัฒนาบัณทิตให้เป็น “วิศวกรแห่งอนาคต” ให้มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ จิตอาสา และความพร้อมในการสร้างสรรค์พัฒนาทางด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นในสังคมไทยและประชาคมโลก โดยมีกลยุทธ์ 4I Society คือ Inter-Disciplinnary, Innovation, Industrialization, Internationalization เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ

ปัจจุบันคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล จัดการเรียนการสอนก้าวล้ำด้วยทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในระดับปริญญาตรี 9 ภาควิชา คือ สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล สาขาวิชาวิศวกรรมเคมี สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา และสาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า รวมถึงหลักสูตรนานาชาติ ได้แก่ วิศวกรรมชีวการแพทย์ วิศวกรรมเคมี วิศวกรรมอุตสาหการ สาขาผลิตภัณฑ์นมและเครื่องดื่ม

ส่วนในระดับปริญญาโท มี 7 ภาควิชา คือ เทคโนโลยีการจัดการระบบสารสนเทศ วิศวกรรมชีวการแพทย์ (หลักสูตรนานาชาติ) วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม (นานาชาติ) วิศวกรรมอุตสาหการ วิศวกรรมโยธา (หลักสูตรนานาชาติ) วิศวกรรมเคมีบูรณาการ (หลักสูตรนานาชาติ) วิศวกรรมเครื่องกล

สำหรับระดับปริญญาเอก มีทั้งหมด 6 หลักสูตร ได้แก่ วิศวกรรมชีวการแพทย์ การจัดการโลจิสติกส์และวิศวกรรม วิศวกรรมเคมีบูรณาการ วิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำ และหลักสูตรไทย จำนวน 2 หลักสูตร ประกอบด้วย วิศวกรรมเครื่องกล และ การจัดการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งนี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ได้ผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถทางวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีออกสู่ตลาด ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการร่วมพัฒนาความเจริญก้าวหน้าของประเทศ

นอกจากนี้ ทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาทั้งคุณภาพคนและคุณภาพการศึกษา ที่สอดคล้องกับวิถีการเปลี่ยนแปลงของโลก การพัฒนาประเทศและตอบโจทย์กับคนรุ่นใหม่และตรงความต้องการของเศรษฐกิจและสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เตรียมความพร้อมสู่โลกอนาคต โดยได้พัฒนาศูนย์ศึกษาวิจัยและนวัตกรรมแบบครบวงจร อาทิเช่น 1. BART LAB ศูนย์เครือข่ายวิจัยประยุกต์ทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์และชีวการแพทย์ 2. Innogineer Studio ศูนย์เมคเกอร์อัจฉริยะทันสมัยที่สุดในประเทศไทย เปรียบเสมือนเวิร์คช็อป ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษา เมคเกอร์และสตาร์ทอัพสามารถเข้ามาทำโปรเจคต่าง ๆ ด้วยการบูรณาการข้ามสาขา , ข้ามคณะและร่วมมือกับธุรกิจอุตสาหกรรม และสร้างชิ้นงานจากความคิดสร้างสรรค์และต้นแบบสำหรับการผลิตเชิงพาณิชย์ต่อไป 3. Innogineer BAY ศูนย์ฝึกหัดด้านหุ่นยนต์และระบบ AI ที่ทันสมัยระดับโลก และ 4. Innogineer BI (Business and Industry) เป็นศูนย์บริการและนวัตกรรมให้คำปรึกษาแก่ภาคธุรกิจอุตสาหกรรม ซึ่งกำหนดเปิดในเดือนเมษายน 2562 รวมทั้งให้การสนับสนุนงานวิจัยทางด้านวิชาการต่าง ๆ อีกด้วย และ 5.ศูนย์หุ่นยนต์การแพทย์ระดับสูง (Advanced Medical Robotics Center) จากความร่วมมือกับ TCELS กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มูลค่าลงทุนรวม 1,200 ล้านบาท กำหนดเปิดเฟสแรกในปี 2563 และเฟสสองเปิดบริการเต็มขั้นในปี 2564

เผยแพร่ข่าวโดย:

พีอาร์ บุฟเฟ่ต์ www.prbuffet.com ข่าวประชาสัมพันธ์ online







Leave a Reply

Your email address will not be published.

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.