แรงงาน

ก.แรงงาน ขอความร่วมมือนายจ้างผ่อนผันเวลาทำงานให้ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม

ก.แรงงาน ขอความร่วมมือนายจ้างผ่อนผันเวลาทำงานให้ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม

กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เยี่ยมนายจ้างประสบปัญหาอุทกภัย เตือนสถานประกอบกิจการที่อยู่นพื้นที่เสี่ยงดูแลเรืองความปลอดภัยฯ พร้อมขอความร่วมมือนายจ้างผ่อนผันเวลาทำงานให้กับลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า จากกรณีพายุโซนร้อน เซินกา แผ่เข้าปกคลุมประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาทำให้เกิดพายุฝนตกหนักน้ำท่วมขังและน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่โดยเฉพาะแถบภาคเหนือและภาคอีสาน โดยเฉพาะที่จังหวัดสกลนคร พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ได้กำชับให้ทุกงานในสังกัดเร่งลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเป็นการด่วน ในส่วนของกสร. ได้สั่งการสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดที่ประสบปัญหาอุทกภัยรวมทั้งจังหวัดที่อยู่ในพืนที่เสี่ยง เข้าไปตรวจเยี่ยมสถานประกอบกิจการว่าได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าวอย่างไรบ้าง และรายงานให้กรมทราบเพื่อกำหนดแนวทางช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม ในเบื้องต้นได้ขอความร่วมมือจากนายจ้างให้ผ่อนผันเวลาทำงาน หรืออนุญาตให้ลูกจ้างลูกจ้างที่ไม่สามารถมาทำงานได้ตามปกติเนื่องจากที่พักอาศัยถูกน้ำท่วมหรือมีปัญหาเรื่องการเดินสามารถหยุดงานโดยไม่ถือเป็นวันลา อธิบดี กสร. กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานประกอบกิจการที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่จะประสบปัญหาอุทกภัยขอให้นายจ้าง ลูกจ้าง ร่วมกันตรวจสอบ ระมัดระวังเรื่องของความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของระบบไฟฟ้าเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินของนายจ้างและลูกจ้างได้ สำหรับสถานประกอบกิจการที่ต้องการความช่วยเหลือหรือมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดที่สถานประกอบกิจการตั้งอยู่ หรือ สายด่วน 1546

กสร. กำชับนายจ้างแจ้งสภาพการทำงานที่เป็นอันตรายให้ลูกจ้างรู้ก่อนทำงาน ฝ่าฝืนมีโทษปรับ

กสร. กำชับนายจ้างแจ้งสภาพการทำงานที่เป็นอันตรายให้ลูกจ้างรู้ก่อนทำงาน ฝ่าฝืนมีโทษปรับ

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กำชับนายจ้าง แจ้งสภาพการทำงานที่เป็นอันตรายพร้อมแจกคู่มือปฏิบัติงานให้ลูกจ้างทุกคนก่อนก่อนทำงาน ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน ๕ หมื่นบาท นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยว่า กรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทํางาน ในสภาพการทํางานหรือสภาพแวดล้อมในการทํางานที่อาจทําให้ลูกจ้างได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพอนามัย เช่น การทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย การทำงานในที่อับอากาศ เป็นต้น พระราชบัญญัติ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.๒๕๕๔ กำหนดให้นายจ้างแจ้งให้ลูกจ้างทราบถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทํางานและแจกคู่มือปฏิบัติงานให้ลูกจ้างทุกคนก่อนที่ลูกจ้างจะเข้าทํางาน เปลี่ยนงาน หรือเปลี่ยนสถานที่ทํางาน เพื่อให้ลูกจ้างได้ทราบถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานและสามารถปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งเป็นการป้องกันการประสบอันตรายจากการทำงานในสถานประกอบกิจการ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า นายจ้างที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดตามกฎหมายโดยมีโทษปรับไม่เกิน ๕ หมื่นบาท กรณีมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ กองความปลอดภัยแรงงาน โทรศัพท์ ๐ ๒๔๔๘ ๙๑๒๘ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ ๑ ถึง ๑๐ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด หรือที่โทรศัพท์สายด่วน ๑๕๔๖

เตรียมเอาผิดนายจ้างโรงงานอาหารสัตว์ เหตุลูกจ้างเสียชีวิตขณะลงเชื่อมถังผสมอาหาร

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เร่งสอบข้อเท็จจริงนายจ้างโรงงานอาหารสัตว์จ.นครปฐม และ ผู้เกี่ยวข้อง พร้อมเอาผิดนายจ้างหากพบฝ่าฝืนกฎหมายความปลอดภัย ให้ลูกจ้างลงเชื่อมรอยร้าวถังผสมอาหารเป็นเหตุให้เสียชีวิตและบาดเจ็บ นายสุเมธ มโหสถ เปิดเผยถึงการดำเนินการกรณีลูกจ้างของบริษัท เหรียญทองฟีด (1992) จำกัด ตั้งอยู่ที่ ตำบลดอนตูม อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ประสบอันตรายจากการทำงาน ขณะลงไปเชื่อมรอยร้าวของถังผสมอาหารสัตว์จนเป็นเหตุให้ลูกจ้างเสียชีวิตจำนวน 2 คน และบาดเจ็บจำนวน 1 คน เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า พนักงานตรวจความปลอดภัยได้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงนายจ้างแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบข้อเท็จจริงลูกจ้างผู้เกี่ยวข้องและรวบรวมพยานหลักฐานว่านายจ้างได้มีการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 รวมทั้งกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานในที่อับอากาศ พ.ศ.2547 หรือไม่ หากพบว่านายจ้างฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนทันที สำหรับความผิดตามกฎหมายดังกล่าว มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นายสุเมธ กล่าวเพิ่มเติมว่า อุบัติเหตุจากการทำงานสามารถป้องกันได้ หากนายจ้างให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยฯ จึงขอฝากให้ทุกสถานประกอบการคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานด้วยการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และหากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากการที่ไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย กสร.จะดำเนินคดีตามอัตราโทษสูงสุด

กสร.เตรียมเอาผิดนายจ้างโรงงานอาหารสัตว์ เหตุลูกจ้างเสียชีวิตขณะลงเชื่อมถังผสมอาหาร

กสร.เตรียมเอาผิดนายจ้างโรงงานอาหารสัตว์ เหตุลูกจ้างเสียชีวิตขณะลงเชื่อมถังผสมอาหาร

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เร่งสอบข้อเท็จจริงนายจ้างโรงงานอาหารสัตว์จ.นครปฐม และ ผู้เกี่ยวข้อง พร้อมเอาผิดนายจ้างหากพบฝ่าฝืนกฎหมายความปลอดภัย ให้ลูกจ้างลงเชื่อมรอยร้าวถังผสมอาหารเป็นเหตุให้เสียชีวิตและบาดเจ็บ นายสุเมธ มโหสถ เปิดเผยถึงการดำเนินการกรณีลูกจ้างของบริษัท เหรียญทองฟีด (1992) จำกัด ตั้งอยู่ที่ ตำบลดอนตูม อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ประสบอันตรายจากการทำงาน ขณะลงไปเชื่อมรอยร้าวของถังผสมอาหารสัตว์จนเป็นเหตุให้ลูกจ้างเสียชีวิตจำนวน 2 คน และบาดเจ็บจำนวน 1 คน เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า พนักงานตรวจความปลอดภัยได้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงนายจ้างแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบข้อเท็จจริงลูกจ้างผู้เกี่ยวข้องและรวบรวมพยานหลักฐานว่านายจ้างได้มีการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 รวมทั้งกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานในที่อับอากาศ พ.ศ.2547 หรือไม่ หากพบว่านายจ้างฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนทันที สำหรับความผิดตามกฎหมายดังกล่าว มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นายสุเมธ กล่าวเพิ่มเติมว่า อุบัติเหตุจากการทำงานสามารถป้องกันได้ หากนายจ้างให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยฯ จึงขอฝากให้ทุกสถานประกอบการคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานด้วยการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และหากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากการที่ไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย กสร.จะดำเนินคดีตามอัตราโทษสูงสุด

ฟัน “ไต๋ก๋งเรือประมงนราธิวาส” ใช้แรงงานเด็กผิดกฎหมาย

ฟัน “ไต๋ก๋งเรือประมงนราธิวาส” ใช้แรงงานเด็กผิดกฎหมาย

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สอบไต๋ก๋งเรือประมงนราธิวาส พบใช้แรงงานเด็กผิดกฎหมาย 3 คน เร่งช่วยเหลือพร้อมเอาผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา กสร. ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมทีมสหวิชาชีพสอบข้อเท็จจริงกรณีการช่วยเหลือแรงงานเมียนมาในเรือประมงทะเล สัญชาติมาเลเซียซึ่งจอดซ่อม ณ ท่าเทียบเรือหะยีมะตาบา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จำนวน 16 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นแรงงานเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี 3 คน คือ 15 ปี 1 คนและ 17 ปี 2 คน โดยทั้งหมดเป็นแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและอาจเข้าข่ายการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน จากการสอบสวนไต๋ก๋งเรือพบความผิดเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ทำงานในเรือประมง ตลอดจนความผิดเกี่ยวกับการค้างจ่ายค่าจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานและ แจ้งความดำเนินคดีกับไต๋ก๋งเรือต่อไป นอกจากนี้ กสร.ได้ประสานกับบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนราธิวาสในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลแรงงานทั้ง 16 คน ในระหว่างพักรอเพื่อส่งกลับประเทศเมียนมา พร้อมประสานกับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสเพื่อป้องกันภัยแทรกซ้อนจากผู้มีอิทธิพลในกรณีดังกล่าว […]

กสร.ปล่อยกู้ 10 ล้านบาท ลดภาระหนี้ลูกจ้างเอสเอ็มอีแบงก์

กสร.ปล่อยกู้ 10 ล้านบาท ลดภาระหนี้ลูกจ้างเอสเอ็มอีแบงก์

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อนุมัติเงินกู้ให้สหกรณ์ออมทรัพย์ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ 10 ล้านบาท ลดภาระหนี้อัตราดอกเบี้ยสูงและพัฒนาคุณภาพชีวิตพนักงาน พร้อมเชิญชวนสถานประกอบกิจการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์และกู้เงินดอกเบี้ยต่ำ ลดภาระหนี้สินให้ลูกจ้าง นายอภิญญา สุจริตตานันท์ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานได้พิจารณาอนุมัติวงเงินกู้จำนวน 10 ล้านบาท ให้แก่สหกรณ์ ออมทรัพย์ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เพื่อนำไปให้สมาชิกกู้ยืมเพื่อลดภาระหนี้อัตราดอกเบี้ยสูงและพัฒนาคุณภาพของพนักงานที่เป็นสมาชิกสหกรณ์และครอบครัว ให้ดีขึ้น ทั้งนี้ กสร. มีกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานซึ่งขณะนี้มีวงเงิน 390 ล้านบาท ให้บริการแก่สหกรณ์ ออมทรัพย์ในสถานประกอบกิจการกู้ยืมเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในอัตราดอกเบี้ยต่ำ และได้ให้บริการเงินกู้ แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ รวม 260 สัญญา เป็นเงินกว่า 1,999 ล้านบาท สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกจ้างที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ฯกว่า 2.2 แสนคน รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวต่อไปว่า การจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ใน สถานประกอบกิจการเป็นสวัสดิการนอกเหนือกฎหมายที่เป็นหลักประกันในอนาคตให้กับลูกจ้าง พนักงาน กรณีที่มีความขัดสนเรื่องค่าใช้จ่ายก็สามารถจะกู้ยืมเงินผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ มาค้ำประกันและเสียดอกเบี้ยในอัตราถูกซึ่งจะเป็นหนทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกู้ยืมเงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบให้กับลูกจ้างได้อีกทางหนึ่ง จึงขอเชิญชวนสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ขึ้น สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองสวัสดิการแรงงาน โทรศัพท์ 0 2245 6774 หรือ […]

ก.แรงงาน ซ้อมอพยพหนีไฟ พร้อมย้ำให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย

ก.แรงงาน ซ้อมอพยพหนีไฟ พร้อมย้ำให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย

กระทรวงแรงงาน ซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟ ประจำปี 2560 มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ดับเพลิง การอพยพคนและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ พร้อมย้ำให้สถานประกอบกิจการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานราชการปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย นายวิชัย คงรัตนชาติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานประกอบกิจการที่มีอาคารสูง หรืออาคารขนาดใหญ่และ มีคนทำงานจำนวนมาก หรือแม้แต่ในสถานที่ราชการก็มีความเสี่ยงต่อเหตุเพลิงไหม้ได้เช่นกัน จึงได้จัดให้มีการฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟโดยการจำลองสถานการณ์จริงเป็นประจำทุกปี เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดับเพลิงด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ การช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการฝึกซ้อมหนีไฟให้แก่ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงาน เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรหากเกิดเหตุเพลิงไหม้จริง ตลอดจนเป็นแบบอย่างให้กับหน่วยงาน สถานประกอบกิจการต่าง ๆ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้ และเป็นการปฏิบัติพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 ซึ่งกำหนดให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างทุกคนฝึกซ้อมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟพร้อมกันอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง พระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้มีผลบังคับใช้กับทุกหน่วยงาน รวมทั้งหน่วยงานราชการด้วย จึงขอให้สถานประกอบกิจการและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ถือปฏิบัติฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟให้แก่บุคลากรในองค์กรของท่าน และหากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกิน 4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นายกิตติพงษ์ เหล่านิพนธ์ ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทุกครั้งย่อมนำมาซึ่งความเสียหายทั้งทรัพย์สินและชีวิต ดังนั้นการป้องกันมิให้เกิดเหตุสามารถทำได้ด้วยการปฏิบัติตามกฎหมายทั้งในเรื่องของการประเมินความเสี่ยง การตรวจสอบซ่อมแซมอุปกรณ์ต่าง […]

กสร. เอาผิดผู้จ้างงานทางอินเตอร์เน็ต เชียงใหม่ เบี้ยวเงิน พร้อมเตือนผู้รับงานระวังโดนหลอก

กสร. เอาผิดผู้จ้างงานทางอินเตอร์เน็ต เชียงใหม่ เบี้ยวเงิน พร้อมเตือนผู้รับงานระวังโดนหลอก

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ดำเนินคดีผู้จ้างงานไปทำที่บ้านทาง จ.เชียงใหม่ เบี้ยวค่าตอบแทน เงินประกัน พร้อมเตือนผู้รับงานไปทำที่บ้านขอเอกสารการรับงานทุกครั้งป้องกันการหลอกลวง นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้รับงานไปทำ ที่บ้าน รวม 31 คน มายื่นคำร้องต่อสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ว่าร้าน NYS Handmade ประกอบกิจการจ้างปักแผ่นเฟรมทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างงานโดยไม่จ่ายค่าตอบแทนในงาน ที่รับไปทำที่บ้านและไม่คืนเงินที่เรียกรับหลักประกันการทำงาน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 47,509 บาท จากการสอบสวนพบว่าผู้จ้างงานมีความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ.2553 ซึ่งห้ามผู้จ้างงานเรียกหรือรับหลักประกันการทำงานหรือหลักประกันความเสียหายในการทำงานจากผู้รับงานไปทำที่บ้าน และต้องจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้รับงานไปทำที่บ้านในขณะที่ส่งมอบงานที่ทำหรือตามกำหนดที่ตกลงกันแต่ไม่เกินเจ็ดวันนับแต่วันที่ส่งมอบงาน ทั้งนี้ พนักงานตรวจแรงงานได้ออกคำสั่งให้ผู้จ้างงานจ่ายเงินให้ครบถ้วนภายใน 30 วัน แต่ผู้จ้างงานไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่ง ดังนั้นจึงได้รวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นดำเนินคดีกับผู้จ้างงานดังกล่าวต่อไป อธิบดีกสร. กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันมีการโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตว่ามีงานให้ผู้รับไปทำที่บ้าน ซึ่งบางแห่งอาจเป็นการหลอกลวง จึงขอเตือนไปยังผู้รับงานไปทำที่บ้าน ประชาชนทั่วไปที่ต้องการหารายได้เสริมให้ระมัดระวังกลุ่มมิฉาชีพเหล่านี้ ก่อนที่จะรับงานใด ๆ ควรจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้จ้างงานปฏิบัติถูกต้องตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ.2553 อาทิ กำหนดให้ผู้จ้างงานจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการรับงานไปทำที่บ้านมอบให้แก่ผู้รับงานฯ ซึ่งจะต้องมีชื่อที่อยู่ทั้งของผู้ว่าจ้างและผู้รับงานฯ อัตราค่าตอบแทน การห้ามผู้ว่าจ้างเรียกหรือรับหลักประกันการทำงานหรือหลักประกันความเสียหายจากผู้ว่าจ้าง รวมถึงไปถึงการห้ามจ้างผู้รับงานทำงานที่เป็นอันตราย เป็นต้น และเตือนให้ผู้รับงานฯ ขอเอกสารเกี่ยวกับการรับงานจากผู้ว่าจ้างทุกครั้งเพื่อเป็นหลักฐานและเป็นประโยชน์ในการใช้สิทธิตามกฎหมายต่อไปได้

กสร. เพิ่มโอกาสเข้าถึงสิทธิทางกฎหมายให้แรงงานต่างด้าว ป้องกันปัญหาค้ามนุษย์

กสร. เพิ่มโอกาสเข้าถึงสิทธิทางกฎหมายให้แรงงานต่างด้าว ป้องกันปัญหาค้ามนุษย์

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมประสิทธิภาพเครือข่ายแรงงาน เพิ่มโอกาสเข้าถึงสิทธิทางกฎหมายให้แก่แรงงานต่างด้าว ป้องกันการละเมิดสิทธิด้านแรงงาน นายสุวิทยา จันทวงศ์ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ โครงการสร้างและพัฒนาเครือข่ายคุ้มครองแรงงานต่างด้าว รุ่นที่3-4 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ วันที่ 27 มิถุนายน 2560 ว่า ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานในประเทศไทย จำนวน ๒.๖ ล้านคน นอกจากนี้ได้มีการคาดการณ์ว่ามีแรงงานต่างด้าวจำนวนที่เข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มแรงงานเหล่านี้ถูกเอารัดเอาเปรียบในการ จ้างงาน รวมไปถึงป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน กสร.ได้ดำเนินในการส่งเสริมให้นายจ้างปฏิบัติต่อแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นธรรมตามกฎหมายโดยไม่เลือกปฎิบัติ ควบคู่ไปกับการตรวจบังคับใช้กฎหมายโดยพนักงานตรวจแรงงาน นอกจากนี้ได้สร้างและพัฒนาเครือข่ายคุ้มครองแรงงานต่างด้าวซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของแรงงานต่างด้าว องค์กรเอกชนที่ทำงานด้านการคุ้มครองสิทธิแรงงาน ซึ่งเครือข่ายฯเหล่าจะช่วยในการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานให้แก่แรงงานต่างด้าว และแจ้งเบาะแสการใช้แรงงานไม่เป็นธรรมเพื่อให้แรงงานต่างด้าวได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายมากขึ้น รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมปฏิบัติการโครงการ สร้างและพัฒนาเครือข่ายคุ้มครองแรงงานต่างด้าวในวันนี้เป็นการดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อให้เครือข่ายฯ ที่เข้าร่วมประชุมฯ จำนวน 100 คน ได้มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องสิทธิหน้าที่ของนายจ้างลูกจ้างตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายและกระบวนการค้ามนุษย์ด้านแรงงานเพิ่มมากขึ้น สามารถประสานความร่วมมือกับกสร.ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและแก้ไขการละเมิดสิทธิแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

กสร. หารือ บิ๊กก่อสร้างลดอันตรายจากการทำงาน

กสร. หารือ บิ๊กก่อสร้างลดอันตรายจากการทำงาน

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หารือ บริษัท ฤทธา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ วางแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุในงานก่อสร้าง กำชับเข้มงวดความปลอดภัยในการทำงานอย่างเคร่งครัด พร้อมสร้างความร่วมมือถ่ายทอดความรู้เรื่องความปลอดภัยฯ นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกิจการก่อสร้างขนาดใหญ่ กสร.จึงได้กำหนดแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโดยมุ่งเน้นการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐคือกสร. กับภาคเอกชน ตามกลไกประชารัฐเพื่อร่วมกันดำเนินงานด้านความปลอดภัยในการทำงานให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิผล ในวันนี้ (26 มิถุนายน 2560) ได้หารือร่วมกับผู้บริหารของบริษัท ฤทธา จำกัด เพื่อวางแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการดำเนินงานด้านความปลอดภัยในการก่อสร้างอาคารสูงและงานก่อสร้างอื่น ๆ ซึ่งทาง บจก.ฤทธา ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวโดยจะให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้รับเหมาที่ร่วมงานกับบริษัทฯ ถือเป็นความสำคัญอันดับแรกในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำงานอย่างเป็นรูปธรรม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังได้เสนอแนวทางให้บริษัท ฤทธา จำกัด มีการถ่ายทอดความรู้เรื่องความปลอดภัยในการทำงาน ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการให้ ความรู้กับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) ในสถานประกอบกิจการก่อสร้างขนาดกลางและเล็ก เช่น การอบรมเตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติงาน มาตรการป้องกันอันตรายจากการทำงาน เป็นต้น ด้านนายปราโมทย์ พิพัฒน์สูงเนิน กรรมการบริหาร บริษัท ฤทธา […]

1 12 13 14 15 16 18