ทนายเบสทรินฟ้อง” สมศักดิ์” ม.157 หลังตกเก้าอี้ ”รักษาการ ผอ.ขสมก.”

ทนายเบสทรินฟ้อง” สมศักดิ์” ม.157 หลังตกเก้าอี้ ”รักษาการ ผอ.ขสมก.”

จากกรณีที่นายสมศักดิ์ ห่มม่วงเอง แถลงต่อสื่อมวลชน ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด ขสมก)เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมว่า บอร์ด ขสมก.ได้สั่งการให้ ขสมก. ปรับปรุงร่างสัญญาหากมีการประมูลรถเอ็นจีวี.จำนวน 489 คันขึ้นมาอีกครั้ง ให้มีความรัดกุมมากขึ้นโดยเรียงลำดับการทำงานให้ชัดเจนถูกต้อง เช่น กรณีการรับรถ ซึ่งเดิมกำหนดให้เอกชนนำรถโดยสารไปติดตั้งระบบติดตาม (GPS) และจะทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกก่อนค่อยนำส่งมาให้ ขสมก.ตรวจรับ เปลี่ยนเป็น ขสมก.ต้องตรวจสเปครถโดยสารและตรวจรับก่อน ค่อยนำไปติด GPS และจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก เพราะการจดทะเบียนก็เป็นเหมือนการส่งมอบแล้ว เพราะมีผลทางกฎหมาย

นายสันติ ปิยะทัต ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทเบสทริน กรุ๊ปจำกัด กล่าวว่าซึ่งแต่เดิม ขสมก.กำหนดให้เอกชนนำรถยนต์โดยสารไปติดตั้งระบบติดตาม (GPS) และจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกก่อนค่อยนำส่งมาให้ ขสมก. ตรวจรับ เปลี่ยนเป็น ขสมก. ต้องตรวจสเปครถโดยสารและตรวจรับก่อน ค่อยนำไปติด GPS และจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก เพราะ การจดทะเบียนก็เสมือนเป็นการรับมอบแล้ว เพราะมีผลทางกฎหมาย

จากคำให้สัมภาษณ์ของนายสมศักดิ์ดังกล่าวจะแตกต่างกับการกระทำที่ผ่านมาทั้งหมดที่ได้มีการให้ข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน และต่อศาลปกครอง เพราะตลอดมานายสมศักดิ์ ได้ปฏิเสธมาโดยตลอดว่า ที่บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ได้ดำเนินการนำรถยนต์ให้ ขสมก. ตรวจสอบแล้วนำไปติดตั้งระบบ GPS ตลอดจนการที่ ขสมก . ได้มอบอำนาจให้ บริษัท ฯ ไปดำเนินการจดทะเบียนรถยนต์โดยสารต่อกรมการขนส่งทางบกนั้น ยังไม่ถือเป็นการส่งมอบรถยนต์โดยสารตามสัญญาที่ได้ทำไว้ ขสมก. ยังไม่ได้รับรถยนต์จากบริษัท เบสท์ริน กรู๊ป จำกัด แต่อย่างใด การต่อสู้คดีที่ผ่านมากับบทสัมภาษณ์ล่าสุดของนายสมศักดิ์ จึงสวนทางกันอย่างชัดเจน

เมื่อนายสมศักดิ์ ทราบอยู่แล้วว่าการที่ ขสมก.ได้รับการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์โดยสารมาแล้วนั้นเป็นการรับมอบรถยนต์ที่มีผลทางกฎหมายตามบทสัมภาษณ์ข้างต้น แต่นายสมศักดิ์ กลับเลือกที่จะบอกเลิกสัญญากับ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2560 ตลอดจนการที่ขสมก. ยืนยันมาตลอดว่า ขสมก . ยังไม่ได้รับมอบรถยนต์โดยสารนั้น การกระทำดังกล่าวอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และอาจเป็นการจงใจทำให้ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ได้รับความเสียหายได้
สรุปได้ว่า สิ่งที่บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ได้ดำเนินการไปทั้งหมดไม่ว่านำรถยนต์เข้ามาให้ ขสมก. ตรวจสอบ จากนั้นตัวแทนของ ขสมก. ได้ดำเนินการติดตั้งระบบ GPS และการได้รับอนุญาตจาก ขสมก. ให้นำรถยนต์โดยสารไปจดทะเบียนเป็นกรรมสิทธิ์ของ ขสมก. นั้น กระบวนการทั้งหมดถือเป็นการตรวจรับรถยนต์ของ ขสมก.แล้วโดยปริยาย มีผลตามข้อสัญญา และข้อกฎหมายแล้ว

ขสมก.ไม่สามารถจะปฏิเสธว่ายังไม่ได้รับรถยนต์จากบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ได้ ข้อต่อสู้ต่อศาลปกครองของนายสมศักดิ์ ตลอดจนการบอกเลิกสัญญากับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด จึงไม่ถูกต้อง บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ได้ยืนยันมาโดยตลอดว่า ขสมก ได้ ตรวจรับรถยนต์โดยสารไปแล้วทั้งยังสามารถนำไปใช้บริการได้ทันที และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนตามจุดประสงค์หลักของการทำสัญญา

“ ปัญหาต่างๆระหว่างบริษัทเบสทรินกับ ขสมก.ที่ผ่านมา ฝ่ายกฎหมายได้เก็บรวบรวมและส่งฟ้องนายสมศักดิ์ ห่มม่วง รักษาการผู้อำนวยการ ขสมก.เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 91ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา”นายสันติกล่าวในที่สุด

และในวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด ขสมก.) ยังมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้ง นายยุกต์ จารุภูมิ รองผู้อำนวยการฝายบริหาร ขึ้นเป็นตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการ ขสมก.แทนที นายสมศักดิ์ ห่มม่วง ซึ่งจะหมดวาระในฐานะบอร์ด ขสมก.ในวันที่ 20 กรกฎาคม

ปรากฏว่าภายหลังการพ้นจากตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการ ขสมก.ของนายสมศักดิ์ เกิดกระแสวิพากย์วิจารณ์กันภายในองค์การ ขสมก.ว่า อาจเป็นเพราะผลงานนายสมศักดิ์ ผู้มีอำนาจผิดหวังกับการแก้ปัญหาให้ ขสมก.เพราะนอกจากไม่มีความคืบหน้าแล้ว แถมยังก่อเกิดปัญหาและคดีความใหม่ๆเข้ามาให้ ขสมก.อย่างต่อเนื่อง

เผยแพร่ข่าวโดย:

พีอาร์ บุฟเฟ่ต์ www.prbuffet.com ข่าวประชาสัมพันธ์ online







Leave a Reply

Your email address will not be published.

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.