เอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพ ตื่นตัวขานรับโอกาสจากสถาบันเอ็นอีเอ แห่ร่วมอบรมและยอดเข้าชมทางออนไลน์พุ่ง

DITP เผยนักธุรกิจยุคใหม่สนใจติดตามหลักสูตรอบรมกับสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่หรือเอ็นอีเอล้นทะลัก ปักธงรุกตลาดโลกแบบหวังผลตรงใจผู้ซื้อ โชว์ผลงานปีงบประมาณ 61 มียอดผู้เข้าถึงข้อมูลผ่านออนไลน์และเข้าอบรมหลักสูตรต่างๆ แล้วกว่า 1.3 แสนราย

นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ธุรกิจสตาร์ทอัพ และประชาชนทั่วไปที่สนใจการทำธุรกิจ โดยเฉพาะประเภทสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเข้ามาอบรมความรู้กับสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (เอ็นอีเอ ) เป็นจำนวนมาก เพื่อต้องการพัฒนาศักยภาพในการทำธุรกิจทั้งการพัฒนาสินค้า การทำตลาดและการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าด้วยวิธีต่างๆ เทรนของสินค้าในตลาดต่างประเทศ รวมถึงการส่งออกแบบเป็นระบบเพื่อลดต้นทุนและความเสี่ยงล่าช้า รองรับการแข่งขันในตลาดต่างประเทศที่มีความผันผวนรุนแรงมากขึ้น โดยข้อมูลล่าสุดในปีงบประมาณ 2561 มีผู้เข้าร่วมอบรมหลักสูตรต่างๆกับสถาบันเอ็นอีเอแล้วกว่า 33,425 ราย และมียอดผู้ชมผ่าน Facebook Live กว่า 100,003 ราย รวมแล้วกว่า 133,425 ราย ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมอบรมกับสถาบันฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างการรับรู้ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งถือเป็นช่องทางการให้ข้อมูลข่าวสารที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจเข้าอบรมของผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี
“สถาบันเอ็นอีเอได้พัฒนาหลักสูตรต่างๆ มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย และการออกแบบหลักสูตร จัดทำเนื้อหาให้ชัดเจนตรงตามความต้องการ พร้อมทั้งเชิญอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นที่ยอมรับ มีประสบการณ์สอดคล้องกับหลักสูตรที่เปิดอบรมมาเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้และทดลองปฎิบัติ เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเกิดความเข้าใจอย่างแท้จริง นอกจากนั้นยังต่อยอดเสริมโอกาสให้ผู้ประกอบการที่เข้าอบรมและจบหลักสูตรจะได้รับพิจารณาคัดเลือกให้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ทั้งในประเทศและต่างประเทศภายในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่จบหลักสูตร อาทิ งาน Top Thai Brand , งาน Thailand Week เป็นต้น ซึ่งมีผู้ที่จบหลักสูตรต่างๆ จำนวนมาก สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดพัฒนาสินค้า และขยายโอกาสการค้าให้กับตนเองจนประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจด้านการส่งออกหลายราย บางรายมียอดขายในระดับร้อยล้านบาทเลยทีเดียว” นางจันทิรา กล่าว
นางจันทิรา กล่าวว่า สำหรับโครงการให้ความรู้และการอบรมที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ เช่น โครงการที่สำคัญตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในเรื่องออนไลน์ สตาร์ทอัพ และอีคอมเมิร์ซ อาทิ โครงการ E-Academy ซึ่งนำการเรียนการสอนแบบ E-learning มาใช้เป็นเครื่องมือในการอบรม พร้อมทั้งยกระดับหลักสูตรออนไลน์ในรูปแบบใหม่ที่ง่ายต้องการเรียนรู้โดยใช้วีดีโอเป็นสื่อหลักในการเรียนแทนตัวหนังสือ ปัจจุบันมีเพิ่มการเรียนอีก 2 วิชา Startup 101 และวิชา English for digital world
นอกจากนี้ยังมีโครงการสำคัญในการทำตลาดการค้าดิจิทัลโดยบูรณาการกับ อาลีบาบา Facebook Line และ Google เป็นต้น โครงการครบเครื่องเรื่องการค้าออนไลน์ By NEA โครงการ CLMVT Executive Program on New Economy (CLMVT-EXP) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาประเทศตามนโยบายไทยแลนด์4.0 เสริมสร้างเชื่อมโยงนโยบายเศรษฐกิจที่จะเปิดโอกาสพัฒนาร่วมกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น
“ภารกิจของสถาบันเอ็นอีเอ คือการเป็นศูนย์กลางการพัฒนาผู้ประกอบการในทุกระดับทั้งเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพรายย่อยและรายใหม่ๆ ที่ต้องการเป็นผู้ประกอบการ พร้อมทั้งกระจายองค์ความรู้ไปสู่ทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นตั้งแต่ระดับชุมชน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ เชื่อมโยงต่อไปยังเศรษฐกิจระดับภูมิภาค และเศรษฐกิจระดับโลก ผ่านเครื่องมือเทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถเชื่อมโลกการค้าจากระดับฐานรากของไทยสู่ตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นางจันทิรา กล่าว
นางจันทิรา กล่าวต่อว่า หลักสูตร 5 อันดับแรกที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจมากที่สุดคือ 1. IT for SMEs หลักสูตรการเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านไอทีให้กับผู้ประกอบการในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล มีผู้เข้าอบรมแล้วกว่า 13,659 ราย 2. New Economy Driver หลักสูตรขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่เพื่อปูพื้นฐานสร้างความรู้ความเข้าใจการทำการค้า พัฒนาศักยภาพและต่อยอดสู่การค้าระหว่างประเทศ จำนวน 10,402 ราย 3. New Economy Amplifier หลักสูตรสร้างพี่เลี้ยงทางการค้าผู้ถ่ายทอดและกระจายความรู้ จำนวน 3,676 ราย 4.New Economy Foundation หลักสูตรสร้างคนตัวเล็ก สร้างแรงบันดาลใจการเริ่มต้นธุรกิจ จำนวน 5,468 ราย และอันดับที่ 5.New Economy Connector (Executive) หลักสูตรการสร้างเครือข่ายการค้าสำหรับผู้บริหารและผู้นำในระดับภูมิภาคและระดับโลก จำนวน 60 ราย
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(DITP) กระทรวงพาณิชย์ ‭www.ditp.go.th‬ หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169

เผยแพร่ข่าวโดย:

พีอาร์ บุฟเฟ่ต์ www.prbuffet.com ข่าวประชาสัมพันธ์ online







Leave a Reply

Your email address will not be published.

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.