โรงพยาบาลรามคำแหง

ผื่นลมพิษ อาการใกล้ตัว

ผื่นลมพิษ อาการใกล้ตัว

ใครที่มีอาการคันตามผิวหนัง เป็นผื่นบวม แดง อาจจะกำลังโดนลมพิษเล่นงานอยู่ก็ได้นะครับ ซึ่งเราพบว่าร้อยละ10-15 ของประชากร ต้องเคยเป็นผื่นลมพิษอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต ลมพิษ คือกลุ่มอาการของปฏิกิริยาตอบสนองต่างๆ ที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เมื่อร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่แพ้จะสร้างสารที่เรียกว่า “ฮิสตามีน” (Histamine) ออกมาจากเซลล์ในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้หลอดเลือดฝอยขยายตัวและมีน้ำเลือดซึมออกมา ทำให้เกิดการบวมของชั้นผิวหนังและใต้ผิวหนัง มองเห็นเป็นลักษณะผื่นบวมนูนแดงเป็นวงๆ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง และคันมาก หรือบางครั้งอาจมีอาการบวมของหนังตา ปาก แก้ม ใบหู หนังศีรษะร่วมด้วยครับ ลมพิษสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดเฉียบพลัน ซึ่งอาการต่างๆ จะเกิดขึ้นและหายไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วนมากจะใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมง หรือติดต่อกันไม่เกิน 6 สัปดาห์ ส่วนชนิดเรื้อรัง จะมีอาการเป็นๆ หายๆ ต่อเนื่องกันเกิน 6 สัปดาห์ขึ้นไปนั่นเองครับ ซึ่งสาเหตุการเกิดลมพิษนั้นมีได้หลากหลายเลยครับ อาจเกิดจากแสงแดด ฝุ่น หรือสารพิษต่างๆ รวมไปถึงพฤติกรรมการทานยาแก้ปวด การทานอาหารบางชนิด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ความเครียด นอกจากนี้ สาเหตุของลมพิษชนิดเฉียบพลันก็มักจะเกิดจากอาการแพ้ต่างๆ […]

แพ้เหงื่อตัวเองเช็คเลย เราเป็นไหม?

แพ้เหงื่อตัวเองเช็คเลย เราเป็นไหม?

โรคแพ้เหงื่อหลายคนคงสงสัย และเพิ่งเคยจะได้ยิน และอีกหลายคนคิดว่าตัวเองเป็นแต่ยังไม่ค่อยแน่ใจ ใช่มั้ยหล่ะครับ ซึ่งหากมีอาการดังต่อไปนี้อาจต้องลองปรึกษาแพทย์ผิวหนังอีกที เพราะนี่มันอาการผิดปกติชัดๆ 1. มักมีอาการคันมากเมื่อเหงื่อออกโดยเฉพาะจุดที่มีเหงื่อออกมากเป็นพิเศษ เช่น ลำคอ ใบหน้า ขาหนีบ แขน ขา ข้อพับ 2. เหงื่อออกทีไรมักจะตามมาด้วยผื่นแดงหรือตุ่มใสเป็นประจำ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาดแค่ไหนก็ตาม 3. ตุ่มคันหรือผื่นแพ้ที่เกิดบนผิวหนังจะอยู่เพียงระยะเวลาหนึ่ง และสามารถหายไปเองได้ แต่หากเหงื่อออกอีกครั้งอาการคันก็จะกลับมา ดังนั้นหากพบว่าตัวเองมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับผิวหนังโดยเฉพาะเวลาที่เหงื่อออก ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาอย่างละเอียดดีกว่าครับ ว่าเราแค่แพ้เหงื่อธรรมดาหรือมีรอยโรคผิวหนังอื่นๆ แอบซ่อนอยู่ด้วยกันแน่!

เรื่องสิว เรื่องเล็ก ไม่เอาอย่าเครียด

เรื่องสิว เรื่องเล็ก ไม่เอาอย่าเครียด

ก่อนอื่นเราต้องรู้ทันกลไกการเกิดสิวเสียก่อน ส่วนใหญ่มีสาเหตุหลักๆ อยู่ 3 ประการด้วยกันครับ คือ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน, เกิดจากการใช้เครื่องสำอาง และเกิดจากการใช้ครีมที่มีสารสเตียรอยด์ผสมนะครับ ส่วนการรักษาสิวนั้นแพทย์จะรักษาจากสาเหตุการเกิดสิว โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ใหญ่ๆ ดังนี้ครับ 1. การทายาเฉพาะที่ โดยยาที่ใช้จะเป็นยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและยาที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวหนังให้ดีขึ้น 2. การรับประทานยา โดยยาที่ให้รับประทานมีตั้งแต่ยาปฏิชีวนะ ยาคุมกำเนิดในกลุ่มไอโซเตรทติโนอิน 3. ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ ซึ่งจะพิจารณาเลือกใช้เมื่อผู้ป่วยมีอาการดื้อต่อยาทาหรือยารับประทาน มีรอยแผลเป็นอยู่บนใบหน้า มีหลุมสิวเกิดขึ้น หรือผู้ที่ต้องการจะให้สิวยุบตัวเร็วที่สุด ปัจจุบันการรักษาสิวด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยนะครับ ซึ่งเทคโนโลยีเลเซอร์นี้จะอาศัยหลักการความร้อนทำให้แบคทีเรียตาย ช่วยให้การหลุดลอกของเซลล์ผิวหนังดีขึ้น ทั้งยังช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ลดความคับคั่งของไขมันให้น้อยลงและส่งผลให้เกิดการอุดตันของไขมันน้อยลงตามลงไปด้วยนะครับ ส่วนในแง่การรักษาแผลเป็นหลังจากการเกิดสิว การใช้เทคโนโลยีเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้แผลเป็นหรือหลุ่มสิวตื้นขึ้น โดยที่การรักษาแต่ละครั้งจะใช้เวลา 15-20 นาที และทิ้งระยะห่าง 3-4 สัปดาห์ จึงจะทำการรักษาอีกครั้ง โดยจะเห็นผลการรักษาในครั้งที่ 4 เป็นต้นไปครับ การรักษาสิวด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์นั้น ต้องอยู่ในการควบคุมดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะการวินิจฉัยชนิดสิวและการปรับใช้เลเซอร์ตามระดับความลึกของสิวต้องใช้ความชำนาญและความถูกต้อง ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้วินิจฉัยว่าควรใช้เทคโนโลยีเลเซอร์แบบใดจัดการสิวที่เกิดขึ้นนั่นเองครับ

ปัสสาวะเล็ด ปัญหากวนใจของสาวๆ

ปัสสาวะเล็ด ปัญหากวนใจของสาวๆ

การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เป็นอาการที่พบบ่อยในผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป เวลาที่สาวๆ หัวเราะ ไอ หรือจามแรงๆ อาจทำให้มีปัสสาวะเล็ดลอดออกมาเปื้อนกางเกงชั้นในได้บ้างบางครั้ง นั่นก็เพราะว่ากล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่คอยพยุงท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะของคุณผู้หญิงเริ่มหย่อนยานไม่แข็งแรง เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การคลอดบุตร อายุมากขึ้น อ้วน ไอเรื้อรัง สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้ท่อปัสสาวะเปิด เมื่อไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก จึงทำให้มีปัสสาวะเล็ดออกมาได้นั่นเองครับ ถึงแม้ว่าอาการปัสสาวะเล็ดจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรงแต่ก็รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันไม่น้อย เพราะสร้างความเครียดและทำให้รู้สึกรำคาญใจ ซึ่งคุณสาวๆ ส่วนใหญ่จะรู้สึกไม่สบายตัว ขาดความมั่นใจ รู้สึกกลัวหรือกังวลว่าเวลาปวดปัสสาวะจะเข้าห้องน้ำไม่ทันและมีปัสสาวะเล็ดออกมา การปฎิบัติตัวเพื่อป้องกันอาการปัสสาวะเล็ดทำได้ง่ายๆ โดยการขับถ่ายปัสสาวะให้เป็นเวลา ดื่มน้ำเยอะๆ ไม่กลั้นปัสสาวะนานๆ บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้แข็งแรง โดยการขมิบหูรูดเป็นประจำเพื่อเพิ่มความกระชับ ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนเกินไป หลีกเลี่ยงอาการไอเรื้อรังโดยการไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ไม่เครียด และไม่ใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไปก็ช่วยได้เช่นกันครับ… แต่ถ้าหากเริ่มรู้สึกว่าอาการปัสสาวะเล็ดเป็นบ่อยมากขึ้น หรือลองปรับพฤติกรรมแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรเข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมจะดีกว่านะครับ

หญิงวัยหมดประจำเดือนเสี่ยงกระดูกพรุน

หญิงวัยหมดประจำเดือนเสี่ยงกระดูกพรุน

กระดูกของคนเรามีการสร้างเซลล์ใหม่และสลายเซลล์กระดูกเก่าอยู่ตลอดเวลา ในช่วงวัยเด็กอัตราการสร้างเซลล์กระดูกใหม่จะสูงมาก จนกระทั่งเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป อัตราการสลายกระดูกจะเริ่มมากกว่าการสร้างเซลล์กระดูกใหม่ กระดูกจะค่อยๆ เริ่มบางลงเรื่อยๆ ผู้หญิงจะมีอัตราการเกิดภาวะกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะหญิงวัยหมดประจำเดือน เมื่อหมดประจำเดือนแล้วจะสูญเสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็วใน 5 ปีแรก ทำให้กระดูกหักง่าย โดยเฉพาะกระดูกสันหลัง สะโพก และข้อมือ มักมีอาการปวดหลัง ตำแหน่งที่ปวดไม่ชัดเจนและอาจปวดร้าวไปข้างใดข้างหนึ่ง กระดูกหลังยุบตัว หลังค่อม หรือความสูงลดลง หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาที่เหมาะสมนะครับ หญิงวัยหมดประจำเดือนเสี่ยงกระดูกพรุนสูง จึงควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ มีแคลเซียมสูง เช่น ปลาตัวเล็กๆ ถั่วต่างๆ เต้าหู้ งาดำ ผักใบเขียว ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นประจำ งดสูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องมีการกระทบกระทั่ง หรือการยกของหนักๆ รวมถึงการตรวจมวลกระดูกประจำปี ก็ช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุนได้อีกทางนะครับ การเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงควรทำตั้งแต่วัยหนุ่มสาวเพราะหลังจากอายุ 35 ปีไปแล้ว จะทำได้เพียงชะลอการสลายกระดูกเท่านั้น นอกจากวัยหมดประจำเดือนที่ต้องการแคลเซียมแล้ว ไลฟ์สไตล์คนปัจจุบันอาจจะได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอ จึงควรต้องตรวจเช็คและรับวิตามินดีเสริมโดยแพทย์ เพิ่มเติมด้วยนะครับ… อย่ารอให้อายุมากขึ้นแล้วค่อยดูแลตัวเองเลยครับ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลายเพราะถ้ารีบเติมแคลเซียมให้ร่างกายตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ก็โบกมือลาโรคกระดูกพรุนไปได้เลยครับ

โรคฮันนีมูนหรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

โรคฮันนีมูนหรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

การมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้คุณผู้หญิงหลายคนเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ แล้วการมีเพศสัมพันธ์มันเกี่ยวอะไรกับการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ? นั่นก็เพราะว่าช่องคลอดและทวารหนักอยู่ใกล้กับท่อปัสสาวะ ในขณะมีเพศสัมพันธ์อาจนำเชื้อโรคเข้าไปในทางเดินปัสสาวะผ่านท่อปัสสาวะได้ หากเกิดการอักเสบติดเชื้อก็จะทำให้เกิดอาการปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ รู้สึกปวดปัสสาวะตลอดเวลา บางคนอาจมีอาการปวดบริเวณท้องน้อยร่วมด้วยครับ อาการมักจะไม่รุนแรงถ้าไม่มีการอักเสบและติดเชื้อ ส่วนใหญ่การดื่มน้ำมากๆ เพื่อระบายเชื้อโรคบริเวณกระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะให้ออกมากับปัสสาวะ หยุดกิจกรรมทางเพศในระหว่างที่มีอาการก็หายได้ภายใน 5-7 วัน แล้วครับ หากยังไม่หายหรือไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม อย่าปล่อยทิ้งไว้นานเพราะอาจติดเชื้อลุกลามจนเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาได้ การมีเพศสัมพันธ์ถือเป็นเรื่องธรรมชาติไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่ควรมีอย่างถูกต้องเหมาะสม เพราะโรคนี้มีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก การป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับคุณผู้หญิงคือ ดื่มน้ำมากๆ และหลังการมีเพศสัมพันธ์ควรไปปัสสาวะ ล้างทำความสะอาดบริเวณท่อปัสสาวะ อวัยวะเพศ และเช็ดให้แห้ง รวมทั้งไม่ควรกลั้นปัสสาวะนานๆ

ใกล้มีรอบเดือนทีไร? ทำไมแฟนผมถึงชอบเหวี่ยง

ใกล้มีรอบเดือนทีไร? ทำไมแฟนผมถึงชอบเหวี่ยง

อย่าว่าแต่หนุ่มๆ เลยที่ไม่เข้าใจอาการเหวี่ยง วีน ของสาวๆ บางทีสาวๆ เอง ก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลย! มาครับ หมอจะอธิบายให้ฟัง อาการที่คุณสาวๆ เป็นเค้าเรียกว่า “กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน” หรือ “ PMS” เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิงก่อนเป็นประจำเดือน ซึ่งจะทำให้คุณสาวๆ รู้สึกไม่สบายตัว ปวดหัว ปวดเมื่อย ไม่มีแรง หิวบ่อย หงุดหงิดโมโหง่าย ซึมเศร้า นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวน และอื่นๆ อีกมายมาย PMS เกิดได้กับผู้หญิงแทบทุกคนที่อยู่ในวัยมีประจำเดือนครับ จะมากหรือน้อยก็แตกต่างกันไป อาการต่างๆ นี้จะเกิดก่อนมีประจำเดือน 5-11 วัน และอาการจะหายไปหลังประจำเดือนมาได้ 4 วัน และจะเป็นแบบนี้วนเวียนไปทุกเดือนครับ ถึงแม้ว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดได้ยาก แต่เราก็สามารถบรรเทาอาการต่างๆ นี้ลงได้นะครับสาวๆ วิธีรับมือกับอาการ PMS นั้นไม่ยากเลยครับ หันมาออกกำลังกาย เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัดหรือหวานจัด งดดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ หากหิวบ่อยให้ทานเป็นมื้อเล็กๆ วันละหลายๆ มื้อ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ […]

มะเร็งรังไข่ โรคร้ายที่ผู้หญิงควรรู้

มะเร็งรังไข่ โรคร้ายที่ผู้หญิงควรรู้

โรคนี้เกิดจากเซลล์มะเร็งเข้าไปเจริญเติบโตในรังไข่ที่ทำหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนเพศหญิง และยังเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ในผู้หญิงอีกด้วยนะครับ ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคนี้ได้อย่างแน่ชัด แต่ความเสี่ยงสำคัญที่อาจทำให้เกิดโรคนี้ คือผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งรังไข่ ผู้หญิงที่ไม่เคยตั้งครรภ์ หรือคลอดลูกคนแรกหลังอายุ 30 ปีแล้ว ผู้หญิงที่ประจำเดือนมาเร็ว หรือหมดประจำเดือนช้ากว่าอายุ 55 ปี ในระยะแรกผู้ป่วยมักไม่มีอาการแสดง แต่อาจมีอาการอย่างเช่น รู้สึกอึดอัดในช่องท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องอืดท้องเฟ้อ หรือปวดท้อง รู้สึกอิ่มจนอึดอัดถึงแม้รับประทานอาหารอ่อนๆ คลื่นไส้ ท้องเสีย ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย เบื่ออาหารน้ำหนักขึ้นหรือลดโดยไม่ทราบสาเหตุมีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะเป็นอย่างต่อเนื่องและค่อยๆ เป็นมากขึ้นทีละน้อย นี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ในระยะที่โรคลุกลามไปแล้วนั่นเองครับ สำหรับการป้องกันนั้น เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคนี้ อีกทั้งมะเร็งรังไข่ในระยะแรกๆ มักไม่แสดงอาการ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือหมั่นสังเกตสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเรา รวมทั้งตรวจภายในหรือทำอัลตราซาวนด์ช่องท้องอย่างน้อยปีละ1 ครั้ง หากพบสิ่งผิดปกติจะได้รีบรักษาก่อนที่โรคจะลุกลามไปจนยากแก่การรักษา

คันจากเชื้อราในช่องคลอด

คันจากเชื้อราในช่องคลอด

เชื่อว่าคุณผู้หญิงจำนวนไม่น้อย มีปัญหาเรื่องอาการคันในที่ๆ ไม่อยากบอกใคร และก็ไม่กล้าที่จะไปหาหมอ ก็เลยต้องทนและปล่อยให้คันต่อไป จริงไหมครับ? หมอบอกเลยว่าปล่อยไว้ไม่ดีแน่ๆ เพราะอาการคันที่เป็นนี้อาจเกิดจากการมีเชื้อราในช่องคลอดอยู่ก็ได้ ซึ่งนอกจากจะสร้างความรำคาญแล้ว ยังทำให้เสียบุคลิกภาพได้ไม่น้อยเลยนะครับ จากอาการคันยุกๆ ยิกๆ ตลอดเวลาแบบนี้ เชื้อราในช่องคลอดเกิดได้จากหลายสาเหตุเลยครับ เช่น ทานยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน ใส่กางเกงรัดหรือคับเกินไป อับชื้นบริเวณช่องคลอด ไม่เช็ดจุดซ่อนเร้นให้แห้งดีหลังเข้าห้องน้ำ ใส่แผ่นอนามัยเป็นประจำ หรือดื่มแอลกอฮอลล์ฯลฯ ซึ่งหากเกิดเชื้อราในช่องคลอดแล้ว จะทำให้มีอาการคัน มีตกขาวมากลักษณะเป็นก้อนๆ สีขาวหรือเหลืองคล้ายนมบูด มีกลิ่นเหม็น หากอาการรุนแรงอาจคันจนแทบทนไม่ได้ คันมาถึงบริเวณขาหนีบและมีอาการแสบ แดง ระคายเคืองอย่างรุนแรง หรือบางคนอาจรู้สึกแสบในช่องคลอดเวลาปัสสาวะได้เลยนะครับ การรักษาความสะอาดและอนามัยส่วนบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราในช่องคลอด แต่หากอาการคันที่เป็นอยู่ไม่หายหรือรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ควรมาปรึกษาคุณหมอเพื่อตรวจรักษาและรับคำแนะนำที่เหมาะสมจะดีกว่า ไม่ต้องอายนะครับ

ตรวจเต้านมด้วยตัวเอง เรื่องที่จำเป็นและสำคัญ

ตรวจเต้านมด้วยตัวเอง เรื่องที่จำเป็นและสำคัญ

รู้หรือไม่? ครับว่า “ มะเร็งเต้านม ” เป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้หญิงไทยมากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งปากมดลูก โรคนี้อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว การตรวจเต้านมด้วยตัวเองจึงเป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนควรให้ความสำคัญ เพราะหากตรวจพบสิ่งผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้นย่อมช่วยให้โรคร้ายไม่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ และมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้นะครับ แม้มะเร็งเต้านมจะพบบ่อยในผู้หญิงตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่มีบุตร และมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม แต่อย่างไรคุณสาวๆ ทุกคนก็ไม่ควรนิ่งนอนใจและควรตรวจเต้านมด้วยตัวเองเป็นประจำนะครับ มาฝึกตรวจเต้านม ด้วยตัวเองกันเถอะ คลิกเลย https://goo.gl/NaMrfN

1 23 24 25 26 27 46