โรงพยาบาลรามคำแหง

รอบเดือนผิดปกติ จากเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก

รอบเดือนผิดปกติ จากเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก

เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก เราพบได้ตั้งแต่ขนาดที่มองไม่เห็น คือเป็นลักษณะของเซลล์ที่ผิดปกติในระดับมิลลิเมตร ไปจนถึงขนาดเท่าสตรีตั้งครรภ์ 6-7 เดือนเลยนะครับ ซึ่งอัตราการตรวจพบผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอยู่ที่อายุ 30-40 ปีขึ้นไป และผู้หญิง 1-4 พบว่าเป็นเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูกแต่ยังไม่แสดงอาการออกมา การสังเกตอาการของเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก จึงจำเป็นสำหรับผู้หญิงทุกคนนะครับ โดยจะดูได้จากประจำเดือนที่ผิดปกติ หรือมีความรู้สึกว่ามีก้อนขนาดโตอยู่ในมดลูก ลักษณะของประจำเดือนที่ผิดปกติจะสังเกตได้จากการมามากขึ้นเมื่อวัยสูงขึ้น ซึ่งบางคนอาจมีรอบเดือนมานานกว่าปกติ ขณะที่บางคนอาจจะมากะปริดกะปรอย ในคนที่ประจำเดือนมามากและนานอาจถึงกับมีอาการตัวซีด หน้ามืด หรืออาจเป็นลมได้เลยนะครับ… ดังนั้นหากรู้สึกว่ารอบเดือนของเราผิดปกติไป ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมจะดีที่สุดครับ

วัยทองกำลังมา รับมืออย่างไรดี?

วัยทองกำลังมา รับมืออย่างไรดี?

วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน เป็นผลเชื่อมโยงมาจากเรื่องของฮอร์โมน จึงไม่แปลกที่คนวัยนี้จะมีอารมณ์แปรปรวน ขึ้นๆ ลงๆ หงุดหงิดง่าย ขี้โมโห ขี้น้อยใจ รวมไปถึงอาการหลงลืมที่อาจเกิดขึ้นได้ การดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีเมื่อเข้าสู่วัยทอง นอกจากจะช่วยลดอาการวัยทองต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว ยังช่วยเลื่อนช่วงเวลาวัยทองออกไปได้อีกด้วยนะครับ… เริ่มจากเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารที่มีแคลเซียมสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ ฝึกควบคุมอารมณ์ให้มองโลกในแง่บวก ทำจิตใจให้แจ่มใส และที่สำคัญควรหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หากพบสิ่งผิดปกติจะได้รีบรักษาก่อนโรคจะลุกลามไปใหญ่โต เมื่อแน่ใจแล้วว่าเรากำลังเข้าสู่วัยทอง ก็ไม่ต้องวิตกกังวลจนเกินไปนะครับ แค่เริ่มดูแลตัวเองอย่างถูกต้องเหมาะสม ก็จะช่วยให้ผ่านวัยทองไปได้อย่างไม่มีปัญหาแล้วครับ

ช็อกโกแลตซีตส์ โรคใกล้ตัวผู้หญิง

ช็อกโกแลตซีตส์ โรคใกล้ตัวผู้หญิง

โรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่หรือช็อกโกแลตซีสต์ เป็นโรคที่พบได้บ่อยชนิดหนึ่งในสตรีวัยเจริญพันธ์ุ ช่วงอายุเฉลี่ยประมาณ 25-35 ปี ซึ่งเป็นภาวะที่เยื่อบุมดลูกไปเจริญอยู่ที่บริเวณอื่นๆ นอกโพรงมดลูก เช่น ในกล้ามเนื้อมดลูก รังไข่ อุ้งเชิงกราน ลำไส้ใหญ่ หรืออวัยวะอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไปก็มีได้เหมือนกันครับ โรคนี้เกิดจากการไหลย้อนกลับของระดูเข้าไปในอุ้งเชิงกรานผ่านท่อนำไข่และฝังตัวในโพรงมดลูก หรือฝังตามอวัยวะต่างๆ ภายนอกโพรงมดลูก จนทำให้มีอาการผิดปกติต่างๆ เกิดขึ้นนั่นเอง อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้น เริ่มตั้งแต่ไม่มีอาการใดๆ จนถึงมีอาการปวดอย่างรุนแรง จนมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน อาการที่พบได้ เช่น ปวดระดูรุนแรง ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ปวดเสียดท้องเวลาขับถ่าย มีบุตรยาก หรือเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ ซึ่งผู้ที่เริ่มมีระดูตั้งแต่อายุน้อยและมีรอบระดูสั้นกว่าปกติ จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้เพิ่มขึ้นด้วยนะครับ คุณสาวๆ ต้องหมั่นสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเราให้ดีนะครับ หากสงสัยว่ามีอาการผิดปกติก็ควรมาพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม การตรวจภายในเป็นประจำทุกปี ถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะหากพบสิ่งผิดปกติ จะได้รีบรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ

ตกขาวเรื่องของสาวๆ ที่ต้องใส่ใจ

ตกขาวเรื่องของสาวๆ ที่ต้องใส่ใจ

ตกขาวเป็นภาวะปกติที่มีได้ในผู้หญิงทุกคน เกิดจากเซลล์เยื่อเมือกที่ผนังด้านในของช่องคลอดสร้างน้ำเมือกที่มีลักษณะคล้ายแป้งเปียก น้ำเมือกนี้จะช่วยหล่อลื่นช่องคลอด ขับสิ่งแปลกปลอม ฆ่าเชื้อโรคและปรับสมดุลความเป็นกรด-ด่างในช่องคลอดของคุณสาวๆ นั่นเองครับ ตกขาวปกติทั่วไปจะมีลักษณะเป็นมูกใสออกสีขาว ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่ทำให้เกิดอาการคัน แต่ถ้าตกขาวของคุณสาวๆ มีกลิ่นเหม็นสีขาวขุ่น มีเลือดปน มีปริมาณมากผิดปกติ ร่วมกับมีอาการคัน ปัสสาวะแสบขัด เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ หรือมีอาการปวดท้องน้อย แบบนี้ไม่ปกติแล้วนะครับสาวๆ ทางที่ดีควรเข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาให้ตรงจุด เพราะสาเหตุอาจมาจากเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียหรือโรคทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ก็เป็นได้นะครับ

ท้องผูกแก้ได้เพียงเปลี่ยนพฤติกรรม

ท้องผูกแก้ได้เพียงเปลี่ยนพฤติกรรม

ไม่ได้ถ่ายทุกวันเรียกว่าท้องผูกหรือไม่? สงสัยไหมครับว่า แบบไหนถึงเรียกว่าท้องผูก? ท้องผูกหมายถึงภาวะที่มีการขับถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้ง/สัปดาห์ อุจจาระมีลักษณะแข็งหรือขับถ่ายลำบาก และมีก้อนที่เล็กลง ในกรณีที่ท้องผูกเรื้อรังอาจก่อให้เกิดโรคหลายอย่างตามมา เช่น ริดสีดวงทวาร หรือทวารหนักปริแตก ได้เลยนะครับ ท้องผูกอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น การทานอาหารที่ไม่มีกากใย ดื่มน้ำน้อย ไปจนถึงความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร อย่างเช่น การอุดตันของลำไส้จากเนื้องอก การบีบตัวผิดปกติของลำไส้ หรืออาจเป็นอาการร่วมของโรคอื่น ๆ เช่น เบาหวาน ไทรอยด์ ขาดการออกกำลังกาย การใช้ยาบางชนิด ความเครียด ฯลฯ ท้องผูกแก้ไม่ยาก แค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทานอาหารที่มีกากใยมากๆ ดื่มน้ำเยอะๆ งดดื่มชา กาแฟ ออกกำลังกายเป็นประจำ ขับถ่ายให้เป็นเวลา และหลีกเลี่ยงการใช้ยาระบายโดยไม่จำเป็นด้วยนะครับ หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วยังมีอาการท้องผูก หรือมีอาการท้องผูกร่วมกับอาการผิดปกติ อาทิ ปวดท้องมาก น้ำหนักลด ถ่ายเป็นมูกเลือด บางครั้งมีประวัติครอบครัวที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ กลุ่มนี้ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอาการอย่างถูกต้องต่อไป

แค่ปวดท้อง ทำไม? คุณหมอต้องให้ส่องกล้อง

แค่ปวดท้อง ทำไม? คุณหมอต้องให้ส่องกล้อง

ก็แค่ปวดท้องแล้วมาพบแพทย์ คุณหมอทำไมแนะนำให้ส่องกล้อง นั่นก็เพราะสาเหตุหลักๆ ดังนี้ครับ 1. การส่องกล้องเป็นการตรวจที่เห็นสภาพทางเดินอาหารได้ชัดเจนและทั่วถึงกว่าการตรวจรังสี ทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและรักษาได้อย่างแม่นยำ 2. หากพบจุดผิดปกติสามารถเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อได้โดยทันที หรืออาจทำการรักษาเบื้องต้นได้ในบางกรณี ทำให้สามารถรักษาโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น 3. การตรวจลักษณะนี้เป็นการตรวจที่ควรทำหากเรามีความเสี่ยง เช่น มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ หรือในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรตรวจระบบทางเดินอาหารอย่างน้อยทุก 3-5 ปี หากรู้ก่อนหรือพบในระยะแรกจะทำให้มีโอกาสหายขาดได้มากกว่านะครับ

การติดเชื้อ HPV สัญญาณเตือนมะเร็งปากมดลูก

การติดเชื้อ HPV สัญญาณเตือนมะเร็งปากมดลูก

จากสถิติพบว่าผู้หญิงถึงประมาณร้อยละ 80 ติดเชื้อ HPV ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต โดยไวรัสตัวนี้จะใช้เวลาเฉลี่ยราว 5 – 10 ปีในการเปลี่ยนแปลงเนื้อเยื่อปากมดลูกปกติให้กลายเป็นมะเร็งปากมดลูก ส่วนใหญ่พบได้ในผู้หญิงวัย 30 – 55 ปี เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุสำคัญที่สุดได้แก่ ไวรัส HPV ซึ่งพบว่าในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกร้อยละ 99.7% มีเชื้อร้ายชนิดนี้อยู่ ไวรัส HPV ติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ โดยกลุ่มที่เสี่ยงที่สุดนั่นก็คือ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยและเปลี่ยนคู่นอนหลายคน รวมถึงการไม่รักษาสุขอนามัยบริเวณจุดซ่อนเร้นหรืออวัยวะเพศของสามี การอักเสบและมีแผลที่ปากมดลูกแล้วปล่อยไว้โดยไม่รักษาก็ทำให้เกิดโรคได้เช่นกันครับ การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ผิดปกติที่มดลูกจนกลายเป็นมะเร็ง ต้องใช้ระยะเวลานานเป็นปีๆ หมอแนะนำว่าผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก หากผลการตรวจเป็นปกติก็สามารถเว้นระยะการตรวจได้ทุกๆ 3 ปี นะครับ และที่สำคัญอย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของเราให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่-ดื่มสุรา มีสุขภาพจิตที่ดี ก็จะทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพียงพอที่จะกำจัดเชื้อ HPVส่วนใหญ่ออกจากร่างกายได้ด้วยตัวเองแล้วครับ

เลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ

เลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ

ผู้หญิงไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม ถ้ามีเลือดออกจากช่องคลอดกระปริดกระปรอยหรือมากกว่าปกติ ก็คงจะตกใจไม่น้อยจริงมั้ยครับ! ซึ่งเรามักจะเข้าใจว่าเลือดทุกอย่างที่ออกมาจากช่องคลอด คือเลือดประจำเดือนแต่ความจริงแล้วอาจไม่ใช่ก็ได้ครับ ประจำเดือนปกติ คือเลือดที่ไหลออกจากโพรงมดลูกเป็นรอบๆ ตามการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย โดยมีระยะห่างของรอบอยู่ในช่วง 21-35 วัน โดยเฉลี่ยประมาณ 28 วัน และมีระยะเวลามีประจำเดือนไม่เกิน 7 วัน ครับ จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมคุณผู้หญิงจึงควรมีประจำเดือนให้ใกล้เคียงกับรอบเดือนเดิมที่สุด เพราะหากมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย จะได้รู้ตัวและตรวจเช็คกับหมอได้ทัน เพราะอาการผิดปกติบางอย่างในมดลูก เช่น การแท้งบุตร เนื้องอกในโพรงมดลูก มะเร็งปากมดลูก หรือการฉีกขาดภายในช่องคลอด ก็ทำให้เลือดออกได้เช่นกันครับ หากมีภาวะเลือดออกจากช่องคลอดที่ไม่เข้ากับลักษณะของประจำเดือน เราควรจดบันทึกลักษณะของเลือดที่ออก ปริมาณ ระยะเวลา รวมถึงอาการอื่นที่มีร่วมด้วย เพื่อเป็นข้อมูลให้แพทย์นำมาวินิจฉัยหาสาเหตุของความผิดปกติที่เกิดขึ้น และทำการรักษาได้แม่นยำขึ้นนั่นเองครับ

กระเพาะอาหารอักเสบ ปล่อยไว้เรื้อรังไม่ดีแน่!

กระเพาะอาหารอักเสบ ปล่อยไว้เรื้อรังไม่ดีแน่!

ปกติแล้วกระเพาะอาหารของเราจะมีเยื่อเมือกบุไว้ไม่ให้กรดจากน้ำย่อยสามารถกัดกระเพาะได้ แต่บางพฤติกรรมก็อาจทำให้เยื่อบุถูกน้ำย่อยทำลายจนเกิดการอักเสบได้ พฤติกรรมที่ว่านั่นก็เช่น การทานอาหารไม่ตรงเวลา การดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน สูบบุหรี่ หรือการกินยาแก้อักเสบหรือสเตียรอยด์ มากๆ ก็ทำให้กระเพาะอาหารอักเสบได้เช่นกันนะครับ… ส่วนใหญ่แล้วจะมีอาการจุก ปวด แน่นท้อง มักจะสัมพันธ์กับมื้ออาหารและความหิว โดยอาการมักจะเป็นๆ หายๆ แต่ถ้าปล่อยให้เกิดเรื้อรังนานๆ นอกจากจะมีอาการปวดท้องกวนใจแล้ว อาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือกระเพาะอาหารทะลุ ไปจนถึงขั้นลุกลามกลายเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้เลยนะครับ

ปวดท้องแบบไหน? ใช่ไส้ติ่งอักเสบ

ปวดท้องแบบไหน? ใช่ไส้ติ่งอักเสบ

ไส้ติ่งเป็นอวัยวะหนึ่งของร่างกาย อยู่บริเวณท้องด้านล่างขวาเป็นอวัยวะที่ไม่ได้มีหน้าที่ใดๆ เลย แต่หากไม่ดูแลรักษาให้ดีอาจเกิดการอักเสบขึ้นได้ ไส้ติ่งอักเสบเป็นอาการที่ไส้ติ่ง บวมและติดเชื้อ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไว้จะทำให้ไส้ติ่งแตก เชื้อโรคจะแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด จนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยนะครับ สาเหตุเกิดจากการอุดตันในรูของไส้ติ่ง จากเศษอุจจาระที่แข็ง สิ่งแปลกปลอม เช่น เมล็ดผลไม้ พยาธิ ก้อนเนื้องอก หรือเกิดจากเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลืองที่ผนังไส้ติ่งที่หนาตัวขึ้น โดยอาการของไส้ติ่งอักเสบนั้น มักจะเริ่มเกิดมาจากการปวดท้องทั่วไปเป็นพักๆ ก่อน แล้วจึงค่อยย้ายมาที่บริเวณท้องน้อยด้านขวา อาจมีไข้ ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน หรือง่วงซึมร่วมด้วย หากมีอาการที่กล่าวมาควรรีบไปพบแพทย์ทันทีนะครับ หากเป็นสุภาพสตรี อาการปวดท้องน้อยด้านขวาล่าง อาจเกิดจากภาวะทางนรีเวช เช่น ปีกมดลูกอักเสบ ซีสต์ในรังไข่ หรือการท้องนอกมดลูกได้ แพทย์อาจต้องขอประวัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับรอบเดือนและโอกาสที่จะตั้งครรภ์ เพื่อจะได้ให้การวินิจฉัยที่ถูกต้องเหมาะสมมากขึ้นนั่นเองครับ

1 24 25 26 27 28 46